มาถึงสนามที่สามแล้ว สำหรับ เวทีประกวดผ้าลายพระราชทาน “ผ้าลายสิริราชพัสตราภรณ์” และงานหัตถกรรม ประจำปี 2568 รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ณ ภาคใต้ เพื่อเฟ้นหาสุดยอดผลงานผ้าทอและหัตถกรรมเปี่ยมด้วยอัตลักษณ์แห่งศิลป์ถิ่นปักษ์ใต้ จากช่างทอผ้าและผู้ประกอบการ OTOP สู่การเป็นตัวแทนเข้าชิงชัยในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ โดยมี “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดและร่วมเป็นกรรมการตัดสิน พร้อมด้วย “สยาม ศิริมงคล” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างล้วนได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทำให้มีแนวทางในการขับเคลื่อนพัฒนาทักษะผู้ประกอบผ้า หัตถศิลป์ หัตถกรรม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน มาเป็นระยะเวลา 6 ปี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ยังคงอยู่ คือการพัฒนาการได้เห็นคนรุ่นใหม่ๆมาต่อยอดในเรื่องการพัฒนางานหัตถกรรม เพราะเห็นต้นแบบเห็นตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จจากสิ่งที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายได้ทำมา ที่เมื่อมาประกอบอาชีพในด้านผ้าและงานหัตถกรรม ก็ได้มีอาชีพมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมั่นคง โดยมีคณะทำงานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ในพระดำริ เปรียบเสมือนวิชชาลัยเคลื่อนที่ ลงพื้นที่ไปทั่วทุกสารทิศ ทุกภูมิภาคของประเทศไทย อย่างภาคใต้ พื้นที่จังหวัดสงขลามีกลุ่มที่พวกเราจะคุ้นเคย อาทิ กลุ่ม “ME-D นาทับ” (มีดีนาทับ) ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ที่เป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาตนเอง กระทั่งส่งผลให้เกิดการเพิ่มมูลค่าของผ้า ด้วยเพราะมีลวดลายที่สวยงาม และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สมาชิกในกลุ่ม คนในหมู่บ้าน ได้มีรายได้ ยังส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง และชุมชนเข้มแข็ง สิ่งสำคัญคือ ก่อนจะพัฒนาได้ ต้อง “เข้าใจ เข้าถึง” ดังที่คณะทำงานโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ได้ลงพื้นที่นำพระดำริไปอบรมให้เกิดการเรียนรู้ น้อมนำลายพระราชทานไปสู่การต่อยอดในพื้นที่ ทั้งการออกแบบลวดลาย การให้สี การจัดทำบรรจุภัณฑ์ ซึ่งพระองค์ท่านได้พระราชทานองค์ความรู้ผ่านหนังสือ “Thai Textiles Trend” ซึ่งทรงเป็นบรรณาธิการด้วยพระองค์เอง และเล่มล่าสุดคือ “Thai Textiles Trend Book Autumn/Winter 2025-2026” พร้อมพระราชทานแนวทางให้มีการประกวด เพื่อให้ผู้ประกอบการผ้าและงานหัตถกรรม ใช้ทักษะฝีมือที่ตนเองได้พัฒนามาประชันผลงานอย่างสุดฝีมือและหลากหลาย โดยหลังจากการประกวดระดับภาคจะมีการประกวดในรอบ “Semi Final” เพื่อคัดเลือกสุดยอดผลงานเข้าสู่รอบไฟนอล ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งพระองค์ท่านจะเสด็จเป็นองค์ประธานในการตัดสินด้วยพระองค์เอง ดังนั้นพอเข้าสู่รอบสุดท้าย การได้แชมป์ยากแล้ว “แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า” สะท้อนว่า สิ่งที่ดีต้องรักษาไว้ และพัฒนาต่อไป สำหรับการประกวดในครั้งนี้ แบ่งเป็นประเภทผ้า 14 ประเภท อาทิ ผ้ามัดหมี่, ผ้ายก, ผ้าจก, ผ้าขิด, ผ้าแพรวา, ผ้าบาติก และผ้าเทคนิคสร้างสรรค์ รวมถึงประเภทงานหัตถกรรม โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่างๆอย่างเข้มข้น ทั้งความเรียบร้อยของการทอ, การใช้สีธรรมชาติ, ความชัดเจนและความสวยงามของลวดลาย, ความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และการนำเสนอเรื่องราวของชิ้นงาน ทั้งนี้ การประกวดรอบตัดสินระดับภาค (Quarter final) จัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2568 ก่อนจะเข้าสู่การประกวดระดับประเทศ รอบรองชนะเลิศ (Semi-Final) ในวันที่ 23 กันยายน 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยคัดเลือกผ้าให้คงเหลือไม่น้อยกว่า 50 ผืน และงานหัตถกรรมตามชิ้นงานที่เหมาะสม เพื่อเข้าประกวดในรอบตัดสิน ระดับประเทศ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม