ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดเผยข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทจดทะเบียน 850 บริษัท มี 646 บริษัทที่เป็น “ธุรกิจครอบครัว” (Family Business) คิดเป็น 76% ของบริษัทจดทะเบียน และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงถึง 8.51 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาด ปี 2567 บริษัทธุรกิจครอบครัวเหล่านี้มีรายได้รวมสูงถึง 9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 48.5% ของจีดีพีประเทศไทย และจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเงิน 126,035 ล้านบาท คิดเป็น 16.4% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบที่กรมสรรพากรเก็บได้ในปี 2567ธุรกิจครอบครัวจึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจไทยธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทย อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CPF) ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ กลุ่มไทยเบฟ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มเซ็นทรัล ของตระกูลจิราธิวัฒน์ (บริหารธุรกิจครอบครัวด้วยธรรมนูญครอบครัวและสภาครอบครัวถึง 2 สภา) กลุ่ม GULF ของมหาเศรษฐีใหม่ คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นต้น ประเทศในแถบเอเชียและตะวันออกกลาง ธุรกิจครอบครัวครองสัดส่วนสูงถึง 95% ของธุรกิจทั้งหมด แม้แต่ตลาดทุนที่เข้มแข็งอย่าง สหรัฐอเมริกา ธุรกิจครอบครัวก็ยังครองสัดส่วนมากกว่า 60–70% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมดธุรกิจครอบครัวที่มีอายุยาวนานที่สุดในโลก คือ Takenaka Corporation ของญี่ปุ่น มีอายุ 414 ปี รองมาคือ Merck ธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเยอรมนี มีอายุ 356 ปี และ Wendel ธุรกิจลงทุนของฝรั่งเศส มีอายุ 320 ปี ส่วนธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย มีอายุเฉลี่ย 36 ปีเท่านั้นเอง ส่วนใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงปี 2558 ถึงสิ้นมิถุนายน 2568 บริษัทจดทะเบียนที่มีอายุยาวนานที่สุดคือ 149 ปีการรักษาธุรกิจครอบครัวให้อยู่รอดเป็นสิ่งที่ยากที่สุด จนมีคำกล่าวที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า “ธุรกิจครอบครัวอยู่รอดได้ไม่เกิน 3 ชั่วคน” โดยมีข้อมูลจากการสำรวจพบว่า จากรุ่น 1 สู่รุ่น 2 จะเหลือรอด 30% จากรุ่น 2 ไปรุ่น 3 จะเหลือรอด 12% จากรุ่น 3 ไปรุ่น 4 จะเหลือรอดเพียง 3% ธุรกิจครอบครัวที่สามารถอยู่มาเป็น 100 ปีขึ้นไป จึงต้องมีธรรมนูญครอบครัวและการบริหารจัดการแบ่งปันผลประโยชน์ในครอบครัวอย่างสมดุลธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่มีการจัดทำ “ธรรมนูญครอบครัว” ที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกในครอบครัวอย่างชัดเจน จึงทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างที่เป็นข่าวบ่อยๆวันศุกร์นี้ 19 กันยายน เวลา 14.00–16.00 น. วารสารการเงินธนาคาร มีการจัดสัมมนาเรื่อง “ล้างอาถรรพ์ GEN 3 สานต่อตำนานธุรกิจครอบครัวสู่ความยั่งยืน” โดยมี ผู้สืบทอดธุรกิจครอบครัว Gen 3 ของ 3 แบรนด์ดัง ที่คนไทยรู้จักกันดี น้ำมันถั่วเหลืองตราองุ่น น้ำปลาแท้ตราหอยนางรม น้ำพริกเผาไทยตราแม่ประนอม มาเล่าประสบการณ์การสืบทอดธุรกิจครอบครัวใน 3 ตระกูลที่ประสบความสำเร็จมาถึงรุ่นที่ 3 ได้อย่างไรวิทยากรที่จะมาแชร์ประสบการณ์อันล้ำค่านี้มี คุณพาชัย จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) คุณพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด คุณธนาภรณ์ ภาษาประเทศ ประธานกลุ่มงานการตลาดและการขาย บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด โดยมี ดร.นิติ เนื่องจำนงค์ ผู้อำนาวยการอาวุโส Wealth Planning and Family Office ธนาคารไทยพาณิชย์ มาพูดถึง Succession Plan กุญแจต่อยอดธุรกิจครอบครัวอย่างมืออาชีพ และมี คุณนวพล วิริยะกุลกิจ ผู้อำนวยการสถาบันธุรกิจครอบครัวแห่งเอเชีย เป็นพิธีกร ณ SCBX Next Tech สยามพารากอนชั้น 4เป็นหัวข้อสัมมนาที่คนมีธุรกิจครอบครัวควรไปฟังครับ ทำอย่างไรจึงจะส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างราบรื่น ลูกหลานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุขไม่ทะเลาะเบาะแว้งฟ้องร้องกันเอง แค่นี้ก็ตายตาหลับอย่างมีความสุขแล้ว.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม