ติมอร์-เลสเตอยู่ใต้การปกครองของโปรตุเกส 273 ปี ระยะเวลานานกว่าที่กรุงเทพฯ เป็นราชธานีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์17 กรกฎาคม 1976 ติมอร์–เลสเต เริ่มกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการและได้รับเอกราชเป็นชาติใหม่อย่างสมบูรณ์เมื่อ 20 พฤษภาคม 2002 รวมระยะเวลาที่อยู่กับอินโดนีเซียคือ 25 ปี 10 เดือน 3 วันติมอร์-เลสเตดิ้นรนเพื่อให้พ้นจากการยึดครองของอินโดนีเซียมาอย่างยาวนาน คนตายจากการกวาดล้างและอดอยากประมาณ 1-2 แสนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 1991 ทหารอินโดนีเซียยิงผู้ประท้วงอย่างสันติในกรุงดิลี ทำให้มีคนตายมากกว่า 250 คน ภาพคนตายเผยแพร่สู่โลกภายนอก ทำให้โลกสนใจติมอร์-เลสเต และมีการเรียกร้องให้จัดประชามติภายใต้การดูแลของสหประชาชาติเมื่อ 30 สิงหาคม 1999 ผลคือร้อยละ 78.5 ของผู้ไปใช้สิทธิ์ โหวตให้ติมอร์-เลสเตเป็นเอกราช ทันทีที่ทราบผลของประชามติ กองกำลังโปรอินโดนีเซียเผาเมืองและสังหารหมู่ ทำให้มีคนตายไปหลายพัน ประชากรมากกว่า 2.5 แสนถูกบังคับให้อพยพไปติมอร์ตะวันตก สหประชาชาติต้องส่งกองกำลังนานาชาติที่เรียกว่า INTERFET เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และรับหน้าที่บริหาร ซึ่งเรียกหน่วยงานที่บริหารว่า UNTAET 20 พฤษภาคม 2002 สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ได้เอกราชสมบูรณ์ และสหประชาชาติถอนการปกครองชั่วคราว ผมมีโอกาสร่วมงานพาพวกติมอร์ตะวันออกที่ซ่อนตัวอยู่ตามเมืองต่างๆ ของอินโดนีเซียบินกลับไปกรุงดิลีเกือบสิบปีต่อมา ก็ได้ไปเยือนหน่วยงานของตำรวจไทยที่ไปร่วมทำงานใน INTERFET หรือกองกำลังนานาชาติแห่งสหประชาชาติ เคยเข้าไปเยือนรัฐสภาในขณะที่กำลังประชุมรัฐสภาแห่งชาติ ยังจำได้ว่าต้องรีบวิ่งออกมาข้างนอกเพราะแผ่นดินไหว (แต่ไม่รุนแรง)รัฐสภาแห่งชาติของติมอร์-เลสเตเป็นสภาเดี่ยวที่มีสมาชิก 65 คน มาจากการเลือกตั้งทุก 5 ปี ระบบเลือกตั้งของติมอร์-เลสเตเป็นระบบสัดส่วนรายชื่อพรรค22 มิถุนายน 2023 รัฐสภาติมอร์–เลสเตได้ประธานคนใหม่ชื่อนางมารีอา เฟอร์นันดา เลย์ ได้เป็นประธานปุ๊บ นางเลย์ก็ปิ๊งไอเดียปั๊บ ว่าควรจะซื้อรถประจำตำแหน่ง สส.ให้สมาชิกเพื่อให้สมฐานะ สส. แกบอกว่าน่าจะต้องใช้โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ พราโด พอถึง ค.ศ.2024 แกก็บรรจุเข้าวาระ สมาชิกรัฐสภาทั้งหลายก็ยกมือผ่านเพื่อซื้อรถยนต์ให้ตัวเองขณะที่ประชาชนคนติมอร์-เลสเต อดอยากยากแค้นแสนสาหัส สมาชิกรัฐสภาดันเอางบมาซื้อรถให้ตัวเองคันละ 61,538 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินไทยก็ 1,956,000 บาท งบประมาณรวม 4 ล้านดอลลาร์หรือ 127 ล้านบาท แทนที่จะไปใช้กับการพัฒนาบ้านเมือง ดันเอามาบำรุงบำเรอความสะดวกสบายของ สส.นักศึกษาซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนในกลุ่มเจน Z รับทราบเรื่องนี้ด้วยความไม่สบายใจ ถ้าเป็นสมัยก่อนอาจจะแค่รับทราบ การรวมตัวเป็นไปได้ยากแต่สมัยนี้เป็นไปได้ง่าย เพราะคนติมอร์ตะวันออกใช้เฟซบุ๊กถึงร้อยละ 98.1 การพูดคุยเรื่องนี้ผ่านทั้งเฟซบุ๊ก วอทส์แอพ ติ๊กต่อก และอินสตาแกรม ทำให้คนมารวมตัวกันประท้วง มีผู้ประท้วงบางคนขว้างก้อนหินไปที่อาคารรัฐสภา ถูกรถยนต์เสียหายหลายคัน ตำรวจจึงใช้แก๊สน้ำตายิงสลายการชุมนุม ทำให้สถานการณ์บานปลายสส.บางคนแขยงแขงขนและกลัวการประท้วงของกลุ่มเจน Z ที่ลามมาจากอินโดนีเซีย ประเทศที่มีพรมแดนประชิดติดกัน ทุกคนเห็นตัวอย่างของการเผาบ้านเผาเมืองในเนปาล จึงออกมาพูดเอาใจคนเจน Z ว่า “อ้า เศรษฐกิจไม่มั่นคง ความเป็นอยู่ของประชาชนก็ลำบาก เราไม่อยากได้เลย รถยนต์ ไม่ซื้อ ไม่ซื้อ”ขณะที่ผมเขียนบทความนี้ การประท้วงของเยาวชนและนักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่งในกรุงดิลียังดำเนินอยู่ใกล้อาคารรัฐสภาและมหาวิทยาลัยแห่งชาติติมอร์-เลสเตการเผาบ้านเผาเมืองในอินโดนีเซียก็เกิดจากสวัสดิการและเบี้ยเลี้ยง สส.โดยเฉพาะเรื่องค่าเช่าบ้านซึ่งสูงมาก ที่เนปาล พวกเจน Z ก็ออกมาประท้วงเมื่อรัฐบาลปิดกั้นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆเจน Z จะเป็นผู้คุมพฤติกรรมของ สส.และรัฐบาล เชื่อผมเถิดครับ ว่าการประท้วงของเจน Z จะลามไปหลายประเทศหมดยุคของพวกลุงๆป้าๆที่รับเงินมาประท้วงกันแล้ว.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม