ผบ.ตร. ตั้งโต๊ะเรียกประชุมตำรวจทุกหน่วยกำชับให้โรงพักทั่วประเทศรับแจ้งความผู้เสียหายถูกอายัดบัญชีทุกราย เปิดสายด่วน 1599 กับ 191 ช่วยแบ่งเบาภาระ AOC พร้อมยืนยันตัวตน ไม่ให้ถูกมิจฉาชีพสวมรอย จากนั้นบูรณาการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ให้รวดเร็ว หากพบไม่รับแจ้ง เรียกรับผลประโยชน์หรือพบข้อบกพร่องจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้ง เร่งแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนคดีล้นมือ และการบริหารงานเพราะต้องพบกับอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนไปจากกรณีหลายหน่วยงานเร่งแก้ไขกรณีมีผู้บริสุทธิ์ได้รับความเดือนร้อนถูกธนาคารอายัดบัญชี เนื่องจากเชื่อมโยงกลุ่มบัญชีม้าที่กลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ถ่ายโอนเงินและฟอกเงินที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.ย. ที่ห้องประชุม ศปก.ตร. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระงับธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีผู้บัญชาการหรือผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่ บช.น. บช.ภ.ภ. 1-9 บช.สอท. บช.ก. สำนักงานกฎหมายและคดี ศปอส.ตร.หรือ PCT โฆษก ตร. ผบก.น.1-9 ผบก.ภ.จ.ร่วมประชุมระบบการประชุมทางไกลพล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวว่า ขณะนี้ทราบดีว่าเกิดปัญหาผู้ประกอบธุรกิจการค้าส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบถูกธนาคารระงับบัญชี ตร.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยได้วางแนวทางการบริหารรับแจ้งความเกี่ยวกับการถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินชั่วคราว เพื่อเป็นแนวปฏิบัติเหมือนกันทั่วประเทศ โดยใช้ “ดิ ไอคอน โมเดล” เป็นแนวทางการปฏิบัติ กำชับให้ทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศต้องรับแจ้งความผู้เสียหายทุกราย ผู้เสียหายต้องสามารถยืนยันข้อมูลตัวตน 5 ข้อให้ถูกต้อง ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขบัญชีธนาคาร และชื่อธนาคาร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพการแอบอ้างตัวตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ให้แจ้งความพร้อมยืนยัน 5 ข้อมูล ได้ที่โรงพักทั่วประเทศ และสายด่วน 1599 หากพบว่าเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้แอดมินของแต่ละสถานีตำรวจรวบรวมข้อมูลส่งให้ศูนย์ PCT ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติศูนย์ PCT จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ศูนย์ AOC พิสูจน์ทราบเพื่อดำเนินการปลดล็อกโดยเร็ว แต่หากพบว่าเป็นบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจริงๆต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไปผบ.ตร.กล่าวต่อว่า นอกจากประชาชนผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกระงับการทำธุรกรรมทางการเงินชั่วคราวจะสามารถแจ้งเพื่อปลดล็อกทางสายด่วนศูนย์ AOC 1441 และทางสถานีตำรวจทั่วประเทศแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้เปิดสายด่วน 1599 ในการช่วยเสริมการปฏิบัติให้กับศูนย์ AOC ในการรับแจ้งความอีกช่องทางหนึ่ง มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติและ ผอ.ศปอส.ตร.ประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและบูรณาการการทำงานร่วมกัน พร้อมกำชับให้ ผบช.น. ผบช.ภ.1-9, ผบก.น.1-9 ภ.จ.กำกับดูแล ประชุมชี้แจงเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดให้เข้าใจขั้นตอน กระบวนการต่างๆอย่างใกล้ชิด และสื่อสารให้ผู้เสียหายเข้าใจ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับแจ้งหรือไม่ดำเนินการใดๆ และห้ามเรียกรับผลประโยชน์อื่นใดจากผู้เสียหายทุกกรณี หากพบข้อบกพร่องให้หน่วยงานพิจารณาอย่างเด็ดขาดต่อไป“กระบวนการทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดประสานกับศูนย์ PCT ก่อนรวบรวมส่งไปให้ทาง AOC ที่เป็นศูนย์ใหญ่จัดการกับเรื่องนี้ ยึดการบริหารงานที่ตำรวจเคยมีประสบการณ์ในคดีใหญ่มาแล้ว ยกตัวอย่างคดีดิ ไอคอน ได้มีการแก้ไขปัญหาด้วยระบบการรับแจ้งความของตำรวจทั่วประเทศ กระบวนการทั้งหมดต้องรวดเร็วที่สุด และมาตรการนี้สามารถลดภาระให้กับ AOC ที่คู่สายปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการรองรับกับผู้เสียหาย ตร.กำชับไปที่ 191 และ 1599 ช่วยรองรับในการแก้ปัญหาให้ผู้เสียหายที่เกิดขึ้นขณะนี้” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐกล่าวผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า กระบวนการนี้ยอมรับว่า มีการเรียกร้องจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศในเรื่องของภาระสำนวนที่มากขึ้น เรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารภายในองค์กรที่ ตร.จะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ต้องพบกับอาชญากรรมรูปแบบที่เปลี่ยนไป การบริหารจะต้องเปลี่ยนตามหรือเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ส่วนที่กระแสสังคมเรียกร้องว่า กระบวนการดังกล่าวจะทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ในการฟอกตัวหรือสร้างปัญหาให้กับประชาชนในหลายรูปแบบนั้น ตำรวจจะนำมาตรการเหล่านี้เข้ามาควบคุมเพื่อปิดกั้นไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับมิจฉาชีพ จากการคัดกรอง 2 วันที่ผ่านมาพบว่า มีการแจ้งความ 1,300 คู่สาย ตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์ได้ 300สาย ยืนยันไม่ได้ 1,000 สาย และจัดการปลดล็อกแล้ว30รายต่อมาในช่วงบ่าย นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ สัมภาษณ์กรณีการอายัดบัญชีม้า ที่กลายเป็นการอายัดบัญชีประชาชนที่ทำมาหากินสุจริต จนได้รับความเดือดร้อนไปด้วยว่า ธปท.ขอโทษประชาชนที่สุจริต และได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีดังกล่าว ได้รับทราบเรื่องและมีกระบวนการในการปรับปรุงเพื่อให้กระทบคนสุจริตน้อยที่สุด แต่ขอยืนยันว่ามาตรการนี้ ทำเพื่อจัดการบัญชีม้าและลดผลกระทบจากการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ เพื่อให้กักเงินที่มิจฉาชีพหลอกให้โอนได้รวดเร็วเท่านั้น เชื่อว่าทุกคนมีความเห็นใจคนที่เก็บเงินฝากมาทั้งชีวิต แต่ถูกหลอกเงินหายไปทั้งหมด เราจึงต้องดำเนินมาตรการเพื่อป้องกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ขณะที่นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือ AOC 1441 เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 14 ก.ย.2568 ถึงเวลา 19.00 น. ของวันที่ 15 ก.ย.2568 มีสายโทรศัพท์เข้ามายัง AOC 1441 กด 2 เพื่อตรวจสอบสถานะบัญชีธนาคารที่ถูกระงับ จำนวนทั้งสิ้น 5,274 สาย เป็นจำนวนที่โทร.เข้ามาป่วน โดยไม่ให้แม้กระทั่งข้อมูลเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จำนวน 3,526 สาย ให้ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ 1,228 สาย และตรวจสอบพบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งโจรออนไลน์และได้รับการปลดล็อกธุรกรรมการเงิน 107 ราย หากตรวจสอบแล้วไม่พบว่าติดหมายหรือเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า เราจะปลดล็อกธุรกรรมให้ทันที ทางธนาคารมีความเชี่ยวชาญในการดูเส้นทางเงินอยู่แล้ว เห็นแล้วชี้ชัดได้ว่าเป็นธุรกรรมที่เป็นปกติธุระ ก็ไม่มีปัญหา แต่บางคนโอนวันละ 40-50 ครั้ง แล้วบอกเป็นการซื้อ-ขายสินค้า อันนี้แปลกมีบางรายที่คิดว่าจำนวนเงินที่จะไม่ถูกตรวจสอบคือต่ำกว่า 3,000 บาทต่อครั้ง ก็จะเริ่มเห็นโอนครั้งละ 2,900 บาท เป็นต้น“ผมเกรงว่าเราอาจกำลังหลงทางโจร หลงกลเขา เพราะเขาอยากให้เราเลิกทำสิ่งนี้ เจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นเจตนาที่ดี ต้องการยุติเส้นเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงประชาชน ซึ่งเป็นเหยื่อที่แท้จริง” หัวหน้าศูนย์ AOC กล่าวขณะเดียวกันก็มีผลงานของ AOC ช่วยอายัดเงินได้บางส่วน เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พ.ต.อ.ภูมิยศ เหล็กกล้า รอง ผบก.น.5 กล่าวว่า กรณีศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC ได้ประสานฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ให้ไปพูดคุยกับยายวัย 83 ปี ที่บ้านในท้องที่ เนื่องจากธนาคารพบว่าโอนเงินผิดปกติ 5 ครั้ง รวมทั้งหมด 4.95 ล้านบาท จากการตรวจสอบทราบว่า ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็น ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ โทร.มาหลอกให้โอนเงินเพื่อไปตรวจสอบอ้างว่า มีคดีติดตัวและอาจถูกดำเนินคดีฟอกเงิน ฝ่ายสืบสวนพาผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สน.พระโขนง เจ้าหน้าที่อายัดเงินคืนได้บางส่วนประมาณ 3 ล้านเศษ เหยื่อสูญเสียเงินไปเกือบ 1.5 ล้านบาท ขอเตือนประชาชนว่า เรื่องที่กำลังระบาดขณะนี้ มิจฉาชีพมักอ้างว่า เอาชื่อไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ เปิดบัญชี มีหมายจับ เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินจาก ปปง. แจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบพร้อมส่งเลขบัญชี ฉะนั้นอย่ากลัว และหลงเชื่อให้วางสายทันที หากพบกรณีดังกล่าว โทร.แจ้ง 191 ตำรวจจริงจะไม่โทร.มาแจ้งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่