ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ฉากทัศน์การเมืองที่เปลี่ยนไปหลังจาก หลุดพ้นจากระบอบ “ทักษิณ” คงทำให้ประเทศไทยไม่ต่างไปจากการเปลี่ยนเข็มทิศนำทางใหม่ ไม่ต้องอยู่ภายใต้การชี้นำกำกับโดยคนในตระกูลหนึ่งถือเป็นการหลุดพ้นครั้งสำคัญไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำคนใหม่แต่คงไม่เลวร้ายเท่าใดนักก็เป็นอีกมิติการเมืองที่น่าจะแจ่มใสขึ้นเวลานี้ก็รอเพียงว่ารัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะเข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการเท่านั้นแค่เห็นชื่อ “คนนอก” ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ใจชื้นเพราะหน้าตาพอไปวัดไปวาได้อยู่ที่จะพิสูจน์ฝีมือให้ได้ดังหวังหรือไม่เท่านั้นอีกส่วนที่มาจากนักการเมืองก็คงต้องแบบนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากต้องมีโควตาเพื่อประกันความมั่นคงด้านเสถียรภาพแต่ถ้าเป็นประเภทที่มีปัญหามากนายกรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบเองไม่มีใครช่วยได้ เพราะเป็นคนลงนามแต่งตั้งก็เป็นอย่างนี้แหละ...ที่น่าสังเกตก็เนื่องมาจากรัฐบาลมีเวลาบริหารไม่มากนัก ตามเงื่อนไขและข้อตกลงคือต้อง “ยุบสภา” ภายในเวลา 4 เดือนด้วยสภาพเช่นนี้ทำให้บรรยากาศจึงมุ่งไปที่การเลือกตั้งเก็บโกยคะแนนทุกอย่าง ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านคงไม่ต่างกันไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “ฮันนีมูน” เพราะไม่มีเวลามีแต่งานกับงานเท่านั้น!จึงไม่แปลกที่จะเห็นทั้ง “ภูมิใจไทย”–“เพื่อไทย”–“ประชาชน” เร่งมือทุกอย่าง“เพื่อไทย” ก็ต้องปรับกระบวนกันใหม่เนื่องจากพ่ายแพ้จนหมดรูป โดย เฉพาะการหาบุคคลมาเป็นจุดขาย บอกว่าจะส่ง สส. 400 คนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คนเหมือนเดิมสำคัญว่าจะหาคนที่ครบเครื่องได้หรือในสถานการณ์ที่ต่างจากเดิม“ประชาชน” นั้น มีผู้นำพรรคอยู่ แล้ว แต่ก็ต้องสร้างกระแสความนิยมให้ชัดเจน การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องหนึ่งแต่ดูเหมือนสถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจเท่าใดนัก“ภูมิใจไทย” ในภาวการณ์อย่างนี้จึงมีแต้มต่อดีกว่าพรรคอื่นๆ เพราะได้เป็นนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจรัฐเพียงแค่ต่อยอดด้วยการสร้างผลงานให้เข้าตาทั้งเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาไทย– กัมพูชาแค่ 2 เรื่องนี้ถ้าชัดเจนจับต้องได้ก็มีสิทธิที่จะมาอันดับ 1 ได้ด้วยความเป็นไปที่เกิดขึ้น เมื่อพรรคการเมืองต่างก็ต้องทำเพื่อตัวเองอย่างนี้ ขั้วใหญ่ของประเทศคือ “ประชาชน” ก็คงไม่ได้อะไรมากนักนี่แหละ...คือปัญหาที่นักการเมืองคิดแต่ตัวเองมากกว่าประชาชนประเทศมันถึงไปได้แค่นี้ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนที่มีสิทธิลงคะแนนจึงต้องคิดให้รอบคอบว่าจะกาบัตรให้ใครพรรคไหนไม่ใช่เพราะความเชื่อเก่าๆที่หลงไปแต่ต้องดูจากของจริงและมั่นใจเท่านั้นเพื่อเริ่มศักราชใหม่ที่เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ!“ลิขิต จงสกุล”คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม