เรื่องที่ 47 ในชวนม่วนชื่น 2 พระอาจารย์พรหม เล่านิทานเรื่อง “มีคนกำลังจับตามองโยมอยู่” ผมอ่านจบ ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อใหม่ให้เข้ากับเนื้อหาในเรื่อง สอนลูกศิษย์ให้เป็นโจรครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ครูผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีลูกสาวแสนสวยคนหนึ่ง ตั้งสำนักสอนให้ศิษย์ซึ่งมี 12 คนเรียนรู้ทุกวิชา เพื่อการดำรงชีวิตที่ดี จนใกล้จะจบหลักสูตรการสอนวิชา...สุดท้ายถึงวันนั้นวันให้ข้อสอบ...ครูประกาศกับศิษย์ว่า ครูมีปัญหาสองข้อปัญหาข้อแรก ครูรู้ดีศิษย์ทุกคนหมายตาลูกสาวครู ครูก็เต็มใจ เพียงแต่ไม่รู้ว่า จะตัดสินใจเลือกใครปัญหาข้อสอง ต่อเนื่องจากปัญหาเรื่องแรก ในฐานะพ่อตา ครูต้อง หาเงินเป็นค่างานแต่ง ต้องหาบ้านหลังใหม่ให้บ่าวสาวแต่ครูไม่มีเงินปัญหาสองข้อ ครูก็บอกข้อสอบวิชาขโมย...ใครขโมยข้าวของมีค่าในหมู่บ้านข้างสำนักครูได้มากที่สุดถือเป็นผู้ชนะ ครูจะยกลูกสาวให้ และจะเอาทรัพย์สินที่ผู้ชนะขโมย เป็นค่างานแต่งค่าเรือนหอแต่ข้อสอบวิชาขโมยนี้ มีกติกาหนึ่งให้เวลาเจ็ดวัน สองจะต้องขโมยทุกอย่างมาได้ โดยที่เจ้าทรัพย์มองไม่เห็นจบคำบอกข้อสอบ ศิษย์แม้สงสัย ตลอดเวลายาวนานที่ครูอบรมบ่มเพาะวิชา มีแต่ความรู้เรื่องดีๆสอนให้เป็นคนดี จู่ๆครูก็ให้ไปเป็นขโมย...แต่เนื่องจากยุคสมัยนั้น ครูเป็นใหญ่ศิษย์ต้องฟังและทำตามคำสั่งครูลูกเดียวเนื่องจากมีกติกา ห้ามขโมยให้เจ้าของเห็น 12 ศิษย์หนุ่มก็ต้อง เลือกคืนที่เดือนมืดสนิท...ออกขโมย จนครบกำหนดเจ็ดวัน 11 ศิษย์ ก็ใช้ไหวพริบ ลักเล็กขโมยน้อย เอาข้าวของมากองต่อหน้าครูมีเรื่องที่บรรดาศิษย์ไม่ได้ฉงนหรือฉุกใจ...ไม่มีเจ้าทรัพย์บ้านใด ตื่นมาจับขโมยเลยครูจดบันทึกข้าวของขโมยทุกชิ้น...จดแต้มเหมือนให้คะแนน...แต่ผลการสอบกลับไม่ใช่ศิษย์คนที่ขโมยของมากชิ้นที่สุด คิดว่าจะเป็นผู้ชนะ จะได้ลูกสาวครู...กำลังยิ้มครูหันไปถามศิษย์คนเดียวที่ไม่ได้ขโมยของอะไรมาให้เลย...“ทำไม?”ศิษย์คนนั้นมีท่าอายๆก้าวออกมารายงาน “ผมขโมยอะไรมาไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติตามคำสั่งครูขอรับ!”“ข้าสั่งพวกแกให้ไปขโมยของไม่ใช่หรือ?” สีหน้าครูขรึมเคร่ง จริงจัง“แต่ครูก็สั่งด้วยนี่ขอรับ ต้องไม่ให้เจ้าของเห็น” ศิษย์หนุ่มอธิบาย ท่าทีห่อเหี่ยวครูถามพยายามแค่ไหน ศิษย์หนุ่มรายงาน เลือกเล็ดลอดเข้าทุกบ้าน เวลาตีสอง ทุกคนในบ้านหลับ แต่ก็รู้สึกได้ว่า มีใคร สักคนมองอยู่ “ผมก็วางของที่ขโมยได้ในมือกลับที่เดิม”ครูเสียงเข้มคาดคั้น “ก็ไหนเจ้าบอกว่าทุกคนในบ้านหลับหมดแล้วใครจะมองเห็นเจ้าเล่า!”“ผมเห็นตัวเองกำลังขโมยของ นึกถึงคำสั่งครู ว่าต้องขโมยตอนไม่มีใครเห็น”บรรยากาศเคร่งเครียดคลี่คลาย ครูตบมือเสียงดัง ยิ้มแย้มปลาบปลื้ม ไม่เสียแรง ที่ข้าพร่ำสอนให้พวกเจ้าเป็นคนดี ผลการสอบครั้งนี้เป็นอันว่าเจ้าเป็นผู้ชนะประกาศผลสอบแล้ว ครูก็บอกความลับ เจ้าบ้านทุกบ้านร่วมมือ รู้ว่าจะถูกขโมย...นี่คือเหตุผลว่า ทำไมพวกเจ้า 11 คน ขโมยของออกมาได้ ไม่มีใครเห็นเลย บอกความลับแล้ว ครูก็สั่งให้ขนข้าวของขโมยไปคืนนิทานเรื่อง สอนลูกศิษย์ให้เป็นโจร จึงจบลง พ่อตาต้องออกค่าแต่งงานค่าเรือนหอให้คู่บ่าวสาวเองเหตุผลที่ผมเลือกนิทาน เรื่องสอนลูกศิษย์ให้เป็นโจรมาเล่าต่อ ข้อแรก ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ข้อต่อมา ผมกำลังอึดอัดกับบรรยากาศโจรปล้นเมืองเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ได้ยินคำลงเรือแป๊ะ ก็ต้องตามใจแป๊ะ จากปากรองนายกฯวิษณุ คำ “เรือแป๊ะ” จึงเป็นคำนิยม วันสองวันนี้ มีชื่ออาจารย์บวรศักดิ์ เป็นรองนายกฯ ผมก็นึกได้แค่คำ “เรือโจร”ไม่กล้าคิดคำต่อ ผมว่าคำพังเพย พายเรือให้โจรนั่ง หรือนั่งเรือ ที่โจรพาย มันแรงและบาดใจเกินไป.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม