แนวคิดการนำโครงการคนละครึ่งกลับมาใช้อีกครั้ง ได้รับเสียงเชียร์อย่างล้นหลาม เพราะชาวบ้านชื่นชอบและยังนึกถึงอยู่ตลอด รัฐบาลลุงตู่มีจุดอ่อนด้านเศรษฐกิจ แต่โครงการนี้จัดเป็นผลงานโบแดงชิ้นเดียวที่กระตุ้นเศรษฐกิจเห็นผล เงินถึงมือประชาชนทุกกลุ่มและหมุนในระบบหลายรอบถ้า นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล หยิบโครงการนี้มาปัดฝุ่นใช้จริง ในช่วงเวลา 4 เดือนตามเอ็มโอเอ เศรษฐกิจไทยจะมีแรงฮึดทันที ทั้งยังเป็นการปิดสวิตช์เงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ตไปในตัว ซึ่งเป็นโครงการที่คนไทยครึ่งค่อนประเทศคัดค้าน เทียบกันแล้วโครงการคนละครึ่งใช้เงินน้อยกว่า แต่ปลุกเศรษฐกิจคึกคักกว่าเป็นทวีคูณมีอีกนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยน่าจะต้องพิจารณาทบทวน คือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดันค่าแรงขึ้นมาถึง 400 บาทแล้ว แต่ไม่ได้เท่ากันทั้งประเทศ ขึ้นอยู่กับดัชนีค่าครองชีพของแต่ละจังหวัด มีเพียง ธุรกิจโรงแรม เท่านั้นที่ต้องขึ้น ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั้งประเทศเป็นผลตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิ.ย.2568 ที่กำหนดให้ประเภทกิจกรรมโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เฉพาะโรงแรมประเภท 2 โรงแรมประเภท 3 และโรงแรมประเภท 4 ในท้องที่ทุกจังหวัด มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาททั่วประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาเท่ากับว่าโรงแรมประเภท 2, 3, 4 ทั่วประเทศจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทมาแล้ว 2 เดือน และยังต้องแบกต้นทุนค่าแรงอัตรานี้ไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งๆที่ความสามารถในการหารายได้ของแต่ละโรงแรมไม่เท่ากัน ต่อให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก โรงแรม 2 ดาว 3 ดาวบางแห่งยังถือว่าแบกรับต้นทุนหนักเอาการ ส่วนโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในเมืองท่องเที่ยวก็เริ่มสู้ไม่ไหวคุณเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เผยว่า สมาคมเตรียมติดต่อขอเข้าพบนายกฯอนุทินในเร็วๆนี้ เพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิ.ย.2568 เพราะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่การท่องเที่ยวซบเซา และเรื่องนี้สมาคมอยู่ระหว่างทำร่างหนังสือร้องไปยังศาลปกครองเพื่อให้ระงับประกาศฉบับนี้ด้วยคุณเทียนประสิทธิ์ระบุด้วยว่า สมาคมเห็นด้วยที่คณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาปรับค่าแรงขั้นต่ำให้กับลูกจ้าง เพื่อเป็นการยกระดับชีวิตของแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม แต่การขึ้นค่าแรงตามประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการในหลายพื้นที่ เพราะบางพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวน้อย หรือสภาพเศรษฐกิจไม่ดี หากปรับค่าแรง 400 บาท จะกระทบต่อต้นทุนการบริการ และความสามารถของธุรกิจ ถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมผมไม่รู้ว่าคณะกรรมการค่าจ้างยุครัฐบาลเพื่อไทยได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลครบทุกฝ่ายหรือไม่ หรือสักแต่ผลักดันเพียงเพื่อโฆษณาหาเสียงว่าได้ทำตัวเลข 400 บาททั่วประเทศแล้วการกำหนดอัตราค่าจ้างต้องคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแต่ละพื้นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องดูอื่นไกล ทุกวันนี้สิทธิเที่ยวไทยคนละครึ่งของเมืองรองยังเหลืออีกเป็นหมื่นสิทธิ รัฐออกเงินให้ครึ่งนึงยังไม่มีคนไปเที่ยว แล้วผู้ประกอบการจะหารายได้จากไหนมาจ่ายค่าแรงสมาคมโรงแรมไทยออกมาต่อสู้เรื่องนี้ก็ดีแล้วครับ ไม่อย่างนั้นปีหน้าธุรกิจแขนงอื่นอาจโดนบังคับขึ้นค่าแรงเท่ากันทั่วประเทศเหมือนกัน.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม