สวัสดี วันที่ 9 เดือน 9 วันที่ถือเป็นหนึ่งในวันดีๆของทุกปี เพราะเลข 9 ถือเป็นเลขที่ดี เลขก้าวไปข้างหน้าของคนไทย ซึ่ง “มิสเตอร์พี” หวังว่าตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 นี้ จะเป็นวันเริ่มต้นที่ประเทศไทยจะกลับมาเข้าที่เข้าทางขึ้นบ้าง ก้าวไปข้างหน้า เลิกก้าวถอยหลังลงคลองอย่างที่ผ่านมาเสียทีและขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 32 ของไทย และคณะรัฐมนตรีที่ได้เลือกมา เริ่มต้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาชาวโลกแน่นอนว่า “ปัญหาเร่งด่วน” จากการสำรวจของ “สวนดุสิตโพล” ที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ไขเป็นอันดับ 1 คือการแก้ปัญหาค่าครองชีพสูงและแก้ปัญหาปากท้อง รายได้ไม่พอใช้จ่าย 68.26% อันดับ 2 การแก้ปัญหาความขัดแย้งและการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา 49.03% อันดับ 3 คือการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน 44.58% อันดับ 4 ปราบปรามคอร์รัปชัน 33.59% และอันดับ 5 แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม 33.08%อย่างไรก็ตาม หากตั้งสมมติฐานว่ารัฐบาลใหม่มีเวลา 4 เดือนหลังการแถลงนโยบาย บวกกับช่วงรักษาการระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งอีกประมาณ 5-6 เดือน จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เท่ากับมีเวลาทำงานประมาณ 9-10 เดือน แต่จะเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการอนุมัติโครงการประมาณ 4 เดือนดังนั้น นอกจากรัฐบาลจะต้องตัดสินใจให้เร็วว่าจะทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรบ้าง และอนุมัติให้เร็วภายในเวลาที่มีอำนาจเต็มทำได้แล้ว ในฐานะที่รัฐบาลนี้ สามารถเลือกคนนอกที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาบริหารงานเศรษฐกิจ อยากให้มองถึงการออกมาตรการคุณภาพที่จะวางรากฐานการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ประชาชน และการเติบโตระยะยาวอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมควบคู่กันไปด้วยอย่างไรก็ดี หลายๆคนมองว่ารัฐบาลนี้เป็นเพียง “รัฐบาลเฉพาะหน้า” ที่มาในภาวะที่ครัวเรือนไทยกำลังประสบปัญหาการเงินตึงตัวอย่างหนัก และมีเวลาสั้นๆ ดังนั้น ควรเร่งออกมาตรการเฉพาะหน้าเร่งด่วน อัดเงินเข้าไปในระบบเร็วๆ เพื่อประคองการใช้จ่ายของคนไทยไม่ให้ดิ่งลงแรง หลังเริ่มเห็นการชะลอตัวต่อเนื่องในหลายเดือนที่ผ่านมาซึ่งแว่วๆมาว่ารัฐบาลใหม่จะฟื้นคืนชีพ “มาตรการคนละครึ่ง” กลับมาใช้อีกครั้ง และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากประชาชนคนใช้จ่ายและร้านค้า และอาจจะต่อยอดมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ขณะเดียวกัน ยังมองว่านโยบายการเงิน และการคลัง ในรัฐบาลนี้น่าจะปรองดองกันได้ด้วยดี หากรัฐมนตรีคลัง เป็นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ (ตามโผที่ออกมา) เพราะสนิทสนมกันดี กับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ที่จะเริ่มทำงานวันที่ 1 ต.ค.นี้อย่างไรก็ตาม ไม่อยากเห็นมาตรการที่ออกมา “มุ่งเน้นไปเพื่อหาเสียง หรือเอาใจฐานเสียง” เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่เท่านั้น รวมทั้งไม่อยากเห็นการหยิบเอานโยบาย “เรือธง” ที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงในสังคมมาผลักดันในเวลานี้ แต่อยากเห็นรัฐบาลที่วางรากฐานสู่“การปฏิรูป” ให้เป็นที่ประจักษ์ และได้รับการยอมรับว่าทำงานเพื่อประเทศชาติจริงๆ. มิสเตอร์พีคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม