“ทนายพัช” ลุยไฟแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ตรวจสอบทนายความใหญ่ระดับอาจารย์สอนกฎหมาย มีดีกรีเป็นด็อกเตอร์ และมีตำแหน่งทางการศึกษาเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ กล่าวหาว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร หลายข้อหา หลังตรวจสอบพบมีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก 2 ชุด ใช้แต่ละชุดในการทำธุรกรรมต่างกัน แถมอ้างเคยเป็นรองนายกเรือนจำกลาง จ.สมุทรปราการ ที่ไม่มีตำแหน่งอยู่จริง หลังแจ้งตำรวจจะเข้าร้องเรียนให้สภาทนายความร่วมตรวจสอบ รวมถึงตรวจสอบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีทางกฎหมายด้วยทนายดังแจ้งความตรวจสอบทนายใหญ่ระดับอาจารย์มีเลข 13 หลัก 2 ชุด เปิดเผยขึ้นที่ สน.บางเขน เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ก.ย. น.ส.ธันย์ชยา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ธนวัฒน์ ธารีนาถ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางเขน ร้องทุกข์กล่าวโทษทนายความชื่อดังระดับอาจารย์ จบการศึกษาระดับด็อกเตอร์ (ดร.) และมีตำแหน่งทางการศึกษาระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) หลังตรวจพบว่ามีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก 2 ชุด และแอบอ้างเคยเป็นรองนายกเรือนจำกลาง จ.สมุทรปราการทนายพัชกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปี 2564 ทนายคนดังกล่าวไปออกรายการถกไม่เถียงทางช่อง7 กล่าวหาพาดพิงถึงลูกความของตน ตนจึงไปคัดสำเนาทะเบียนราษฎรทนายความเพื่อฟ้องทนายคนดังกล่าวข้อหาหมิ่นประมาท รวมถึงคัดสำเนาทะเบียนราษฎรของผู้ดำเนินรายการเพื่อให้มาเป็นพยาน แต่เมื่อไปดำเนินการปรากฏว่าทนายคนดังกล่าวมีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก 2 ชุด เป็นชุดเก่าที่มีมาตั้งแต่แจ้งเกิดและชุดใหม่ เลขบัตรประชาชนทั้ง 2 ชุดมีข้อมูลวันเกิด อายุ และพ่อแม่เดียวกันเพียงแต่ชุดเก่าแจ้งว่าเป็นผู้อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ กทม. ส่วนชุดใหม่แจ้งว่าเป็นเจ้าบ้านอยู่ต่างจังหวัด“เมื่อข้อมูลไม่ตรงกันจึงไม่สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจึงนำข้อมูลไปตรวจสอบกับสภาทนายความพบว่าทนายคนดังกล่าวใช้เลขบัตรประชาชนชุดใหม่ในการขึ้นทะเบียนทนายความ ส่วนเลขบัตรประชาชนชุดเก่าไม่ปรากฏในระบบทะเบียนทนายความ นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบข้อมูลเลขพร้อมเพย์ที่ใช้ซื้อขายหนังสือตำราทนายความของทนายคนดังกล่าว กลับพบว่าใช้เลขบัตรประชาชนชุดเก่าเป็นเลขบัตรพร้อมเพย์ ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ที่ผ่านมาทนายคนนี้ใช้เลขบัตรประชาชนชุดไหนในงานฟ้องคดีและเปิดบัญชีธนาคารกันแน่” ทนายพัชตั้งข้อสังเกตทนายพัชกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ด้วยความที่ทนายคนดังกล่าวเขียนหนังสือตำราเกี่ยวกับทนายความ ในประวัติหนังสือกลับระบุประสบการณ์ว่า เคยเป็นอดีตรองนายกเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ตนไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวกับเรือนจำแห่งนี้ ไม่ปรากฏตำแหน่งดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ตัดสินใจเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.บางเขน เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพ.ร.บ.ทะเบียนราษฎร เกี่ยวกับบัตรประชาชนหลายมาตราหลังจากนี้ทนายพัชยังเตรียมจะไปร้องเรียนต่อสภาทนายความ เพื่อให้ตรวจสอบความเป็นทนายความของทนายคนดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้จะไปตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยที่ทนายคนดังกล่าวอ้างว่าจบการศึกษาว่า มีวุฒิปริญญาจริงตามที่ระบุในประวัติหรือไม่ ทั้งนี้ ทนายพัชยืนยันว่าไม่มีปัญหาเป็นการส่วนตัวกับทนายท่านดังกล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่