คนรักพระสมเด็จที่อ่าน “ปริอรรถา ธิบายแห่งพระเครื่อง” เล่มพระสมเด็จ... หลายคนคงคุ้นตา สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ทรงเจดีย์ “องค์ครู” ที่มีฉายา “องค์พุฒาจารย์” องค์นี้ คือ “องค์ของครู” “ตรียัมปวาย” เองครูจำแนกแม่พิมพ์พิมพ์ทรงเจดีย์ไว้สี่พิมพ์ พิมพ์เขื่อง พิมพ์ชะลูด พิมพ์สันทัด และพิมพ์ย่อม และองค์ “พุฒาจารย์” ครูจำแนกไว้เป็นพิมพ์ที่สาม คือพิมพ์สันทัด คนรักพระสมเด็จรุ่นหลังไม่คุ้นตาองค์นี้เท่าทรงเจดีย์องค์เจ๊แจ๋วหลังจากเปลี่ยนมือจากเจ๊แจ๋ว มาอยู่กับ อาจารย์รังสรรค์ แล้วไปอยู่กับ “เฮียหนึง” องค์เจ๊แจ๋วกลายเป็นทรงเจดีย์องค์ดารา ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กล่าวขานกันว่า ประเมินกันไว้ล่าสุด ถึง 200 ล้านแต่องค์พุฒาจารย์ ที่ไม่มีใครพูดถึง ก็กลับมาพูดถึงกันอึงคะนึงอีกที ตอนไปอยู่กับคุณวิชัย คิง เพาเวอร์ ในหนังสือเล่มพระเครื่องศรัทธาแห่งสยาม ตัวเลขราคาที่ซุบซิบปากต่อปาก ไม่พูดกัน “เท่าไหร่?”ภาพขาวดำที่เคยดูกันในหนังสือตรียัมปวาย ในหนังสือเล่มใหม่ เป็นภาพสีขยายใหญ่ คมชัดลึก ให้เรียนรู้เป็นองค์ครูเต็มตา และยังถูกเอาไปตีพิมพ์ในชุดพิมพ์สันทัดด้วยกัน อีกสี่ห้าองค์เรียนรู้จากภาพในหนังสือ คราวนี้ ชัดเจน องค์ “พุฒาจารย์” เป็นคนละแม่พิมพ์กับองค์เจ๊แจ๋ว ซึ่งในทฤษฎี “นิรนาม” แจกแจงไว้ใน “พรีเชียส สเปเชียล” ในจำนวนทรงเจดีย์ห้าพิมพ์ เป็นพิมพ์ที่สองนิรนามบอกตำหนิพิเศษองค์เจ๊แจ๋วว่ากลางพระเกศมีพวงมาลัยครอบ...เรียกกันภาษาปากว่า พิมพ์เกศป่อง แล้วก็ยังชี้ไปถึงทรงเจดีย์ พิมพ์ที่สาม (ของนิรนาม) มีพวงมาลัยครอบพระเกศ คือเกศป่อง คล้ายกันแต่หากพิจารณาให้ถ้วนถี่ เทียบเคียงอีกที จะเห็นตำแหน่งที่ป่อง สูงต่ำกว่ากันเล็กน้อยขณะที่คนรักทรงเจดีย์หลายคน ใช้ความรู้นี้ เป็นทีเด็ดตัดสินเป็นพระแท้...แต่ก็มีข้อเคลือบ แคลงจากวงการ คุณชาติ ลาดพร้าว กัลยาณมิตรคนหนึ่งของผม บอกผมว่า เคยเอาไปให้เซียนเบอร์ต้นๆ พี่แกบอกหนักแน่นว่า “เก๊”ข้อมูลคุณชาติ ผมไม่แปลกใจ ทำไม? จึงเจอทรงเจดีย์ พิมพ์เกศป่อง วางขายตามตลาดพระระดับล่าง ต่อๆมาอีกหลายองค์ องค์หนึ่งสิบปีที่แล้วได้ไว้แค่แปดพัน เจ้าของบอก เซียนมีชื่อคนนั้นท่านไม่หยิบขึ้นส่องแว่นด้วยซ้ำความจริงข้อหนึ่ง ที่คนรักพระสมเด็จต้องรู้ พระที่เซียนใหญ่ไม่เล่นมีอีกมากมายมาถึงทรงเจดีย์องค์เกศป่อง ในคอลัมน์วันนี้ ลักษณะกำไลที่ครอบกลางพระเกศ ต่างกว่าหลายองค์ที่ผ่านตา เป็นเม็ดกลมเหมือนลูกประคำสองเม็ดประกบติดพระเกศไว้สองข้างดูเส้นสายลายพิมพ์ ทั้งพระพักตร์ พระอุระ เส้นสังฆาฏิที่ติดชัด เส้นขอบจีวร มีความเป็นไปได้ทั้งทรงเจดีย์พิมพ์ที่สอง และพิมพ์ที่สาม แต่เส้นซุ้มส่วนโค้งเอนไปซ้าย ไปทางเดียวกับทรงเจดีย์พิมพ์ที่สาม หรือองค์พุฒาจารย์ของ“ตรียัมปวาย” มากกว่าขอบอก...การดูสมเด็จวัดระฆัง ไม่ว่าพิมพ์ทรงจะไปทางไหน เก๊หรือแท้ คนเป็นพระสมเด็จเขาตัดสินกัน ที่เนื้อหาและธรรมชาติ องค์ในคอลัมน์ เนื้อหาละเอียดขาวอมเหลืองน้อยๆ ทฤษฎีตรียัมปวายเรียก เนื้อเกสรดอกไม้ สภาพพระถูกใช้สึกช้ำ ระดับกำลังงามซึ้งบนผิวที่สึกช้ำ “เงาสว่างจัด” เห็นก้อนขาวเล็กๆ ทั้งที่โผล่จากเนื้อและที่จมในหลุมร่อง กากดำ เม็ดแดง เข้าแว่นสิบเท่าก็จะเจอครบสูตรมวลสาร ส่วนนูนขององค์พระเหลืองเข้ม ตัดกับพื้นผนังผิวเยื่อหอม...ขาวสว่างนุ่มตารวมด้านหลัง ที่ดูผิวเผินเรียบ แต่ดูแบบพิศ พลิกดูเหลี่ยมเงา ก็จะเห็นส่วนที่เป็นเนินนูน ลาดลงไปถึงหลุมร่องหลุมหนึ่งก้อนขาวจมถนัดตา ส่วนหลุมอื่นปิดไว้ด้วยชิ้นรักเก่าพระที่ใช้สึกช้ำ คนเป็นพระใช้คำ “สว่างตา” ดูตรงไหนกลมกลืน ไม่มีจุดให้สะดุดสงสัย อย่างองค์นี้ จึงเป็นสมเด็จวัดระฆังแท้...ประเด็นจะจำแนกให้ท่านเป็นทรงเจดีย์พิมพ์ไหน จึงเป็นประเด็นรอง นิมนต์ท่านเข้าตลับทองคล้องคอได้เลย.พลายชุมพลคลิกอ่านคอลัมน์ “ปาฏิหาริย์จากหิ้งพระ” เพิ่มเติม