วัดพระบาทน้ำพุ นำโดยประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ ตั้งโต๊ะแถลงสื่อ ตอบยิบทั้งเรื่องการซื้อโรงเรียนการซื้อโรงแรมและเรื่องที่ดิน ส่วนกรณีที่หลวงพ่ออลงกตไม่ออกมาแจงเองเพราะกลัวกระทบรูปคดี ขณะที่กรมการปกครองโพสต์สยบข่าว หลวงพ่อและข้าราชการกรมชลประทานที่เสียชีวิตมีเลข 13 หลักบนบัตรประชาชนเดียวกัน ย้ำเป็นคนละคน และเลขประจำตัวประชาชนไม่ซ้ำกันตามข่าว ส่วนกรณีมีชื่อซ้ำกับผู้เสียชีวิต และเปิดบัญชีพร้อมเพย์รับบริจาคต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับธนาคารต่อไปกรณีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี หมอดูชื่อดังถูกกล่าวหาไปเปิดบัญชีในนามของวัดพระบาทน้ำพุ อ.เมืองลพบุรี นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือส่งเงินให้วัดไม่ครบทั้งหมด ขณะที่หมอบีออกมาแจงผ่านรายการ “แฉ” ว่า เงินทั้งหมดไม่ได้มอบให้วัด แต่มอบให้พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ “หลวงพ่ออลงกต” เจ้าอาวาส ขณะที่สังคมและสื่อโซเชียลเริ่มขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลในหลายเรื่องของทั้ง 2 ฝ่าย อาทิ เรื่องพบศพถูกดองเป็นอาจารย์ใหญ่ในอาคารธรรมสังเวช วัดพระบาทน้ำพุ รวม 20 ศพ แต่มีญาตินำหลักฐานเข้ามายืนยันระบุเป็นความต้องการของคนตาย ล่าสุดเป็นเรื่องเลขบัตรประชาชนหลวงพ่ออลงกตตรงกับบุคคลที่เสียชีวิตตามที่เสนอข่าวไปนั้นเกี่ยวกับเรื่องเลขบัตรประชาชนของหลวงพ่ออลงกตนั้น เมื่อค่ำวันที่ 23 ส.ค. เพจเฟซบุ๊กกรมการปกครอง (ปค.) ชี้แจงกรณีเลขบัตรประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกตว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลจากสื่อมวลชน “หลวงพ่ออลงกต มีเลขประจำตัวประชาชนตรงกับนายอลงกต พลมุข เป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว” สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้ จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต พูลมุข) หรือหลวงพ่ออลงกต เลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xx036-50-7 (นามสกุล พูลมุข มีสระ อู) เกิดปี 2503 ขณะที่ นายอลงกต พลมุข (เสียชีวิตแล้ว) มีเลขประจำตัวประชาชน x-xxxx-xx796-46-3 (นามสกุล พลมุข ไม่มีสระ อู) เกิดปี 2505 ทั้งนี้ รายการบุคคลทั้งสองมิใช่บุคคลคนเดียวกัน เลขประจำตัวประชาชนไม่ซ้ำกัน ข่าวที่เผยแพร่ว่าเลขบัตรประจำตัวประชาชนหลวงพ่ออลงกตตรงกับบุคคลที่เสียชีวิตไม่เป็นความจริงไล่เลี่ยกัน ปค.โพสต์ชี้แจงอีกครั้งว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง พบว่า 1. เดิมหลวงพ่ออลงกต ชื่อ เกรียงไกร เพ็ชรแก้ว ต่อมาปี 2552 เปลี่ยนชื่อเป็นอลงกต พูลมุข ทั้งนี้พบหลักฐานการทำรายการบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายหลวงพ่อทุกรายการ ไม่มีการเปลี่ยนเลขประจำตัวประชาชน 2.ส่วนการออกใบสุทธิพระ ไม่ได้เป็นเอกสารราชการยืนยันตัวบุคคลที่ออกโดยกรมการปกครอง 3.สำหรับนายอลงกต พลมุข (ผู้เสียชีวิตแล้ว) พบหลักฐานการทำรายการบัตรประจำตัวประชาชน เป็นรูปถ่ายนายอลงกต พลมุข บุคคลเดียว ไม่มีภาพใบหน้าบุคคลอื่น ส่วนการเปิดพร้อมเพย์ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ตรงกับบัญชีกองทุนอาทรประชานาถ เป็นการดำเนินการโดยธนาคารพาณิชย์ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปต่อมาเวลา 13.20 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ห้องประชุมใหญ่ วัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี นายเฉลิมพล พลมุข ประธานมูลนิธิธรรมรักษ์ พ.อ.ประชุม สุขสำราญ ประธานกรรมการมูลนิธิพุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ และนายศุภชัยสิงคาลวานิช ทนายความ ร่วมกันแถลงชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นจากการสร้างข่าวในเพจโซเชียลต่างๆ และสำนักข่าวที่มีอิทธิพลประเด็นแรกเรื่อง ด.ช.จ. (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ ที่มีข่าวเป็นลูกหลวงพ่ออลงกต แท้จริงเป็นเด็กที่หลวงพ่อเลี้ยงมาแต่เล็ก แม่เป็นหญิงวิกลจริตถูกข่มขืนจนติดเอดส์รักษาตัวที่วัดและเสียชีวิต หลวงพ่อจึงเลี้ยงไว้ มอบหมาย น.ส.วรดา เลี้ยง ทำให้เด็กเรียกหลวงพ่อว่า ป่ะป๋า เรียก น.ส.วรดา ว่าแม่ ทำให้เกิดการเข้าใจผิด เป็นข่าวในสังคมนายเฉลิมพลกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการซื้อโรงเรียน นางกอแก้ว เพชรบุตร ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของโรงเรียนกำจรวิทย์ เป็นโรงเรียนระดับประถม สังกัดการศึกษาเอกชน อยู่ที่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี หลวงพ่อไม่ได้ซื้อ ข้อเท็จจริงคือ โรงเรียนจะต้องปิดตัวลง หลวงพ่อได้ช่วยย้ายมาเรียนที่ไร่ใจฟ้า อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิอาทรประชานาถ ตนใช้ใบอนุญาตเดิมเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสาระศาสตร์เป็นโรงเรียนพิเศษเหมือนโรงเรียนกีฬาใช้อาคารเรียนชั่วคราวให้เด็กเรียน เน้นกีฬาฟุตบอลเป็นใจฟ้าอะคาเดมี สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ หลวงพ่อตั้งใจสร้างนักฟุตบอลให้เป็นทีมชาติ บอลไทยต้องไปบอลโลก และสนามฟุตบอลแห่งนี้ เป็นสนามที่ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยมาฝึกซ้อมเก็บตัวด้วย เมื่อที่นี่สร้างห้องเรียนอาคารเรียนสมบูรณ์เสร็จสิ้น จะโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นโรงเรียนของมูลนิธิอาทรประชานาถต่อไป ถ้าสงสัยโรงเรียนกำจรวิทย์เป็นของใคร ให้ไปตรวจสอบชื่อเจ้าของตอนนี้ก็อยากขายใครสนใจก็ติดต่อมานายเฉลิมพลกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องโรงแรมลพบุรีอินน์เกิดภาวะเช่นเดียวกัน หลวงพ่อเคยเข้าไปช่วยเหลือนำทีมลูกศิษย์เข้าไปทำร้านอาหารบุฟเฟต์ชื่อรสสยาม บุฟเฟต์ 20 บาท อยู่ชั้นล่างของโรงแรม แต่ทำได้ 8 เดือนก็ต้องหยุด หลวงพ่อไม่ได้ซื้อตามที่เป็นข่าว ส่วนเรื่องของการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ที่โครงการ 2 บ้านดงดินแดง อ.หนองม่วง ที่เรียกว่า 2 พันไร่ อันที่จริงมีที่ดินเพียง 8-9 ร้อยไร่ ที่จะซื้อที่ดินก็ต้องการรวม ต้องให้บุคคลธรรมดาคือไวยาวัจกรวัดเข้าไปถือกรรมสิทธิ์ไว้ก่อน ขณะนี้กำลังโอนให้เป็นของมูลนิธิธรรมรักษ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องเงินบริจาคนั้น มูลนิธิที่หลวงพ่อเป็นที่ปรึกษามีอยู่ 5 มูลนิธิ มีวัตถุประสงค์ในแต่ละมูลนิธิ แต่มีอยู่ 1 ข้อเหมือนกันคือ ไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง และทุกมูลนิธิไม่เกี่ยวข้องกับวัดเมื่อถามเรื่องเลข 13 หลักในบัตรประชาชนของหลวงพ่อที่ระบุไม่ตรงกับใบสุทธิพระ นายเฉลิมพลตอบว่า แต่ก่อนการบวชพระจะเขียนใบสุทธิพระด้วยลายมือ กรอกข้อความโดยพระอุปัชฌาย์ หรือพระคู่สวดลงชื่อ วันเดือนปีเกิด และใบสุทธิพระจะใช้แทนบัตรประชาชนไปตลอดชีวิตพระ แต่มาตอนหลังเปลี่ยนเป็นบัตรประชาชน ต้องยืนยันตามที่กรมการปกครองชี้แจงว่า เลข 13 หลักของนายอลงกต พลมุข ที่เสียชีวิต ไม่ตรงกับเลข 13 หลัก ของนายอลงกต พูลมุข แต่อย่างใดส่วนเรื่องของหลวงพ่ออลงกตทำไมไม่ออกมาชี้แจงสื่อ นายเฉลิมพลตอบว่า ปัญหายังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะเรื่องการดำเนินทางกฎหมายของตำรวจ ถ้าหลวงพ่อออกมาตอบอาจจะกระทบกับรูปคดีได้ แต่หลวงพ่อไม่ได้หนีไปไหน เมื่อถามต่อถึงเรื่องส่วนตัวของหลวงพ่ออลงกตว่า มีการเปลี่ยนชื่อ เป็นคนเกิดที่ไหน เรื่องการรับบริจาคที่ใช้เลขบัตรประชาชนของนายอลงกต พลมุข ที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ใช้มาเมื่อไหร่ และใครเป็นผู้ไปถอนเงินในบัญชีนั้น ถึงตรงนี้นายศุภชัย ทนายความ กล่าวว่า เป็นเรื่องใหม่ ยังไม่มีข้อมูลจะให้คำตอบคราวหน้าวันเดียวกัน ที่บ้านโจด ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม นายเสริมวิทย์ พลมุข อายุ 84 ปี พ่อนายอลงกต พลมุข กล่าวยืนยันว่าลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพระอลงกต ทราบจากข่าวยังงงและสงสัย ลูกชายตนคือนายอลงกต พลมุข เป็นข้าราชการกรมชลประทาน อยู่ที่อยุธยา เพิ่งเสียชีวิตไป 2 ปี ชื่อนามสกุลของเขาตรงกับพระอลงกตทั้งชื่อพ่อก็ตรงกัน พ่อชื่อเสริมวิทย์ พลมุข เป็นชาวขอนแก่นทำให้เกิดข้อสงสัยของคนทั่วไปและในวงเครือญาติว่าเกิดอะไรขึ้น ตนมีลูกชาย 3 คน คือ นายอลงกต พลมุข (ป้อม) เป็นลูกชายคนโต แต่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เหลือแค่ลูกชายคนกลาง เพราะคนเล็กก็เสียชีวิตแล้วส่วนกรณีที่หลายส่วนตรวจสอบข้อมูลพระอลงกตทั้งตรวจสอบเลขบัตรประชาชนเดิมชื่อ นายเกรียงไกร เพ็ชรแก้ว และเปลี่ยนชื่อเป็นอลงกต พูลมุข ระบุที่อยู่เป็นบ้านเลขที่ 50/2 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ตรงกับบุคคลชื่ออลงกต พลมุข ที่อยู่บ้านเลขที่ 14 ถนนอำมาตย์ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ตั้งข้อสงสัยพระอลงกตนำชื่อบุคคลที่เสียชีวิตไปใช้ กระทั่งกรมการปกครองโพสต์ยืนยันเป็นคนละคน และเลขบัตรประจำตัวประชาชนไม่ได้เป็นหมายเลขเดียวกันที่ จ.ขอนแก่น วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบบ้านเลขที่ตามข้อมูลและสอบถามกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ได้รับคำตอบว่า บ้านเลขที่ 14 ถนนอำมาตย์ ปัจจุบันไม่มีอยู่ เช่นเดียวกับประธานชุมชนยืนยันในชุมชนไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว ส่วนของบ้านเลขที่ 50/2 ไม่พบว่าเป็นบ้านคนแต่เป็นส่วนของโรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่ง โดยผู้บริหารของโรงแรมบอกว่า ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้องและไม่ปรากฏว่ามีบุคคลชื่อเกรียงไกร หรืออลงกตอยู่ในละแวกนี้ในส่วนวุฒิการศึกษาของพระอลงกตในระดับชั้นมัธยมศึกษานั้น ที่ระบุข้อมูลยืนยันว่าพระอลงกตศึกษาจบในระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย อ.เมืองขอนแก่น เป็นเรื่องจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่าพระอลงกตนั้นจบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย รุ่นที่ 8 ปี พ.ศ.2517 มีภาพถ่ายรุ่นที่ 8 ของโรงเรียนแก่นนครระบุปี พ.ศ.2517เอาไว้ กระทั่งต่อมาข้อมูลในเว็บไซต์วัดพระบาทน้ำพุ เปลี่ยนแปลงข้อมูลเปลี่ยนจากที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์ กทม.นางจารุณี สุตะชา อายุ 64 ปี ประธานชุมชนบะขาม ม.4 ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น พาผู้สื่อข่าว ไปที่บ้านเลขที่ 143/21 ม.4 ซอยอำพล จากการสำรวจพบว่าปิดล็อกประตูไว้นานแล้ว สภาพเป็นบ้านร้าง พร้อมกล่าวว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดิมของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ที่บ้านหลังนี้มีพ่อเฉยซึ่งภรรยาพ่อเฉยเสียชีวิตไปก่อนหน้าหลายปี พี่เขยกับพี่สาวอาศัยอยู่ด้วย โดยพ่อเฉยและพี่เขยพระอลงกตทำงานที่สำนักงานทางหลวง มีประตูสามารถเข้าออกไปยังสำนักงาน ใกล้กับบ้านพักข้าราชการได้สะดวก ก่อนที่พ่อเฉยจะเสียชีวิตไปเมื่อ 30 ปีก่อน บ้านก็ตกเป็นของลูกสาวเป็นพี่พระอลงกต ส่วนพระอลงกตหลังจากพ่อเฉยเสียชีวิตก็หายไป ทราบคร่าวๆว่าไปบวช กระทั่งมาเห็นอีกทีเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ และยังเห็นพี่สาวของพระอลงกตทำหน้าที่ในครัวดูแลเรื่องอาหารของวัดด้วย ทั้งนี้พระอลงกตจะกลับมาบ้านช่วงหลังสงกรานต์ในเดือนพฤษภาคมช่วงวันเกิดพระอลงกต โดยจะให้แม่ครัวมาทำอาหารที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมถวาย และเลี้ยงชาวบ้านเชิญผู้สูงอายุมาร่วมเพื่อรดน้ำผู้สูงอายุและมอบเงินให้รายละ 1,000 บาท ทำบุญวันเกิด แต่คนในชุมชนจะไม่ค่อยได้ไปร่วม มีเพียง ฝั่งทางญาติๆ และคนในย่านบ้านพักสำนักงานทางหลวงที่จะได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่