เร้าใจอย่างกับฉากหนังสงครามฟอร์มยักษ์ฮอลลีวูด ภาพฝูงเครื่องบินรบ F–22 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา บินประกบ “อารักขา” เครื่องบินโดยสารของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ตามคำสั่งของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่อนลงฐานทัพอากาศอลาสกานัดมาเจรจาแบบ “ตัวต่อตัว” ในฟอร์มของผู้นำเบอร์หนึ่งมหาอำนาจโลกแต่ก็จบแบบ “ไร้ดีล” ยังไม่มีข้อตกลงชัดๆในการเจรจาหยุดยิงสงครามรัสเซีย-ยูเครน “ปูติน” ไม่ไหลตามน้ำ คิวนี้ “ทรัมป์” ยังไม่อาจเคลมผลงานเข้าแฟ้มลุ้น “โนเบลสันติภาพ”โจทย์สลับซับซ้อน ขาใหญ่ของโลกไม่ยอมแลก “ขนมหวานภาษี”สลับฉากมาที่แนวรบตะวันออกไกล ศึกปะทุอินโดจีน ในบรรยากาศที่กำลังจ้อกแจ้กจอแจอยู่กับ “ฉากลิเกเขมร” ที่จอมโจรเขมรแดงอย่าง “ฮุน เซน” ผู้นำตัวพ่อของกัมพูชา กำลังจัด “มหกรรมแหกตาชาวโลก” ปกปิดความชั่วร้ายของ “อาชญากรสงคราม”จ้าง “นักข่าวผี” ข้างทำเนียบขาวมาไลฟ์สดด่าประเทศไทยแบบมันปากแต่ไม่รู้หัวนอนปลายตีน เช็กแล้วเป็นแค่สำนักข่าวกระจอกไร้ราคา แต่ที่ตลกร้ายกว่าก็คือ “โทรโข่งงานวัด” ของรัฐบาลไทย ดันมัวไปแห่เชิดฉิ่งโหมโรงเวทีลิเก อาการผิดคิวแบบที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ประกาศลั่นโซเชียลฯ จ้องส่งเทียบเชิญมาดูฝั่งไทยดีที่โดนขบวนรถทัวร์ไทยกระหน่ำด่าจนฉ่ำ บ้องตื้นไปให้ราคา “ฝรั่งขี้นก” เสียค่าโง่ทำให้ต้องหักหัวเลี้ยวกลับแทบไม่ทัน พลิกบทด่าแรง ห้ามฝรั่งทาสกัมพูชาเหยียบแผ่นดินไทย แต่นั่นก็สะท้อนลูกมั่ว ฟอร์มออกทะเล ยุทธการด้านข่าวสารของรัฐบาลไทยไล่ตามหลังกัมพูชาแบบคนละชั้นโดนก๊วนแก๊ง “พ่อลูกตระกูลฮุน” โชว์หน้าด้านหน้าทน ปั่นเฟกนิวส์ตีกินในเวทียูเอ็น นำหน้าทีมกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่นวยนาด ไล่เก็บคลิปวิดีโอเศษซากระเบิดปืนใหญ่ นับตัวเลขศพเหยื่อคนไทย ผู้บาดเจ็บพลเรือน ทหารขาขาดจากทุ่นระเบิด ไม่รู้จะตามล็อกคออาชญากรสงครามทันวันไหนแทบจะไร้ความหวังในการลาก “ฮุน เซน” ชดใช้วีรกรรมชั่วๆที่ทำกับคนไทยแต่เรื่องของเรื่อง อาการแหยง “แม่ทัพบุญสิน” เป็นเหตุ สังเกตได้ คนที่ทำให้ “ผู้นำจอมโจรเขมรแดง” ผวาไม่เลิกก็คือ “นักรบอาชีพ” ตัวจริงเสียงจริงอย่าง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2นี่ต่างหากที่ “ฮุน เซน” ต้องคิดหนัก ไม่กล้าลุยเกมรบปะทะตรงๆเพราะรู้พิษสงกองทัพไทยที่โชว์แสนยานุภาพการรบจริงๆไม่อิงไอโอ แบบที่ F–16 กับ “กริพเพน” บิน “หย่อนไข่” ถล่มฐานทางทหารกัมพูชาจนราบเป็นหน้ากลอง ทหารราบ หน่วยรบพิเศษ กองกำลังทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน “ลุยแลกเลือด” ยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั้ง 11 จุด กลับมาได้เกือบหมดสงครามยังไม่จบแต่นับศพทหารกัมพูชากว่า 3 พันนายที่ตายเป็นผีเฝ้าบังเกอร์ผลพลอยได้โดยอัตโนมัติ ศึกชายแดนไทย–กัมพูชา กลายเป็นสนามโรดโชว์ศักยภาพในเกมรบของกองทัพไทย สะท้อนแสนยานุภาพพี่ใหญ่ในอินโดจีน ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์แนวรบภูมิรัฐศาสตร์โลกกำลังร้อนแรง โดยเฉพาะความขัดแย้งในแถบทะเลจีนใต้ ที่นัวเนียกับภูมิภาคอาเซียนประเทศไทย “มีของ” ป้องกันตัวเองได้สบายๆ ข้าศึกไม่กล้าแหยมง่ายๆในโลกยุคที่กองกำลังทางทหารมีผลต่อศักยภาพในเวทีเจรจา สหรัฐฯ รัสเซีย จีน มหาอำนาจคุยกันด้วยภาษาขาใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลด้านการรบ โยงไปถึงอำนาจการต่อรองทางเศรษฐกิจไทยก็ใช้สิทธินั้นได้ในหมู่อาเซียน เน้นๆ ในอินโดจีน กัมพูชา เมียนมา รั้วติดกันนั่นจึงเป็นแรงผลักดัน ที่มาของ “รัฐบาลเฉพาะกิจ” สัญญาณไฟเขียวทีมพิเศษรับมือชายแดนไทย-กัมพูชา ไปพร้อมๆกับการรับมือโจทย์ภูมิรัฐศาสตร์ในทะเลจีนใต้ ณ วันที่ “พลังไทย” จุดติดโดยธรรมชาติ กระแสคุโชน ประชาชนทั้งชาติเทใจให้ทหารไทย “ยืนหนึ่ง” ในภารกิจปกป้องอธิปไตยเหนืออื่นใดไม่ไว้วางใจ “นักการเมือง” ในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติแถมจังหวะยังขัดแข้งขัดขา กองทัพภาคที่ 2 ประกาศขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เพื่อล้อมรั้วป้องกันชายแดนกัมพูชา เป็นยุทธการหลอมรวมพลังคนไทยกับทหารเป็นหนึ่งเดียวกันในการปกป้องอธิปไตยแต่มันกลับย้อนแย้งกับสิ่งที่ “นักการเมือง” คิด อาการแบบที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนตำแหน่งนายกฯ เสียงเครียด ต่อสายถึง “แม่ทัพบุญสิน” ขอให้บอกมา รัฐบาลมีงบประมาณพร้อมจัดให้ ไม่ต้องไปขอรับบริจาคดูไม่เหมาะสมอารมณ์ห่วงเสียหน้า มัวพะวงอยู่กับคะแนนนิยมในเกมเลือกตั้ง.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม