ไม่ว่าใครผู้ใดบัญญัติสิ่งที่เรียก ความยุติธรรมขึ้นมา สงครามที่ตึงตังโครมครามทั่วโลก ในบ้านใกล้เรือนเคียง หรือกระทั่งในบ้านเมืองเรา วันนี้กำลังชี้ว่า มีความเป็นไปได้แค่ความยุติธรรมของใคร?ความยุติธรรมของสองฝ่าย หาจริงๆจากที่ไหนบ้างเล่า?ผมจำได้เงาๆเคยอ่านเรื่องความยุติธรรม จับใจเรื่องหนึ่ง แต่ก็เนิ่นนานเต็มทีในหนังสือชุดนิทานกริมม์ (ยาค็อบ และวิลเฮล็ม เขียน อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ต้นอ้อ 1999 จำกัด พิมพ์ครั้งที่ 5) พ.ศ.2542 ทั้งหมด 6 เล่ม ผมไล่เลียงอ่านจนเจอในเล่มที่ 4ชื่อเรื่อง แสงแดดจ้าให้ความยุติธรรม สะดุดใจให้เปิดอ่านชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียนวิชาตัดเสื้อจนช่ำชอง เรียกตัวเองว่าช่างตัดเสื้อได้ เขาก็ออกย่ำไปตามที่ต่างๆเพื่อหางานทำ เคราะห์ร้าย เขาหาผู้จ้างไม่ได้ เงินที่เคยมีติดตัวถูกใช้ในการซื้ออาหารเลี้ยงท้อง ก็หมดไปสองวันแล้วขณะท้องหิว หมดอาลัยตายอยากในชีวิต ช่างตัดเสื้อพบชาวยิวสูงอายุคนหนึ่งบนถนนเปลี่ยว ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปหา มือหนึ่งชูท่อนไม้ อีกมือจับคอเสื้อนอกของชาวยิวที่เขาคิดว่าต้องมีเงินไม่น้อย กระชับแน่น“ส่งเงินมา...” เขาขู่สำทับ “ไม่เช่นนั้น ฉันจะฆ่าแก”“ทั้งเนื้อทั้งตัว ฉันมีสลึงเดียว” ยิวชราอ้อนวอน “ท่านอยากได้ก็เอาไป”อารมณ์นั้น ไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนสิง ช่างตัดเสื้อเหวี่ยงท่อนไม้ ตีชาวยิวชราไม่ยั้งก่อนเขาจะแน่นิ่งหมดลมหายใจ เขาหลุดคำพูดประโยคหนึ่งออกมา “แสงแดดจ้าให้ความยุติธรรม”ช่างตัดเสื้อค้นกระเป๋าและตามซอกหลืบเสื้อผ้าชาวยิว เขาก็เจอเงินเพียงสลึงเดียวตามที่ชาวยิวบอกไว้ เขาลากศพโยนไว้ในพุ่มไม้เตี้ยข้างถนน และเริ่มต้นก้าวเดิน หางานทำต่อภายหลังที่ย่ำเท้าไปเป็นระยะทางไกล...ช่างตัดเสื้อก็มาถึงเมืองใหญ่ เมืองนี้มีเจ้าของร้านตัดเสื้อฝีมือดีและมีลูกค้ามาก รับเขาไว้เป็นผู้ช่วยไม่นานเขาก็ได้แต่งงานกับลูกสาวคนสวยของเจ้าของร้าน ไม่กี่ปีต่อมา เขามีลูกสองคน พ่อตาแม่ยายก็ตาย ลูกเขยช่างตัดเสื้อ ก็เปลี่ยนฐานะเป็นเจ้าของร้านเช้าวันนั้น ช่างตัดเสื้อนั่งจิบกาแฟอยู่ริมหน้าต่าง ทันใดนั้น แสงแดดจ้าก็ส่องมาถูกตัวและผ่านไปจับผนังห้อง เกิดความสว่างโชติช่วงขึ้นวูบใหญ่คำพูดประโยคสุดท้ายของยิวชราที่เขาฆ่า “แสงแดดให้ความยุติธรรม” ก็ผุดขึ้นมา ช่างตัดเสื้อตกใจ เสียขวัญ กระโดดโหยง และร้องลั่น“มันพยายามให้ความยุติธรรม แต่ไม่สำเร็จหรอก”เมียช่างตัดเสื้อสงสัยหลุดปากถาม “เกิดอะไรขึ้น” เขาตอบ “ฉันบอกไม่ได้”แต่ก็นั่นแหละ นิสัยผู้หญิงเก็บความสงสัยคาใจไม่นาน เธอตอแยเซ้าซี้เช้าค่ำโดยมีสัญญา “จะไม่บอกใคร” ในที่สุด ช่างตัดเสื้อก็ขอสัญญาอย่าบอกใครต่อจากเมียแล้ว ก็เผยความลับที่ซ่อนในใจให้เมียรู้เรื่องก็เดินหน้าต่อไปตามนิสัยผู้หญิง เมื่อสามีเริ่มนั่งทำงาน เธอก็ออกจากร้านไปบอกลูกพี่ลูกน้อง แต่สัญญาจะไม่บอกใครที่กระซิบย้ำต่อๆกัน ก็ยั่วให้เรื่องนี้แพร่หลายและ...ในที่สุดคนทั้งเมืองก็รู้ผลก็คือช่างตัดเสื้อถูกจับขึ้นศาล ผู้พิพากษาตัดสินประหารชีวิตนิทานเรื่องนี้จบลงตรง...เป็นอันว่าแสงแดดจ้า ให้ความยุติธรรมแล้ว...ในฐานะผู้อ่าน ผมขอเตือน โปรดอย่าลืม นี่เป็นความยุติธรรมที่หาได้ง่ายๆในนิทาน...แต่หายากนักหนาในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงไม่ว่าในโลกทั้งใบ ในบ้านเมืองข้างเคียง และกระทั่งในบ้านเมืองเราเอง.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม