ได้ข้อสรุปวงหารือ “ไทย-กัมพูชา” ที่มาเลเซีย เห็นพ้องหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข เที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค.นี้เป็นต้นไป จากนั้นให้ กองทัพภาคที่ 1-2 ของไทยตั้งโต๊ะเจรจากับกองทัพภาคที่ 4-5 ของกัมพูชา ต่อด้วยประชุมผู้ช่วยทูตทหารก่อนไปต่อที่การประชุม GBC ต้นเดือนหน้า โดยกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ขณะเดียวกันสถานการณ์ชายแดนยังปะทะดุเดือด หลังทหารกัมพูชายิงถล่มไทย ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ตั้งแต่ตีสามยันสว่าง ทำ “พนมดงรัก-น้ำยืน-ช่องอานม้า-ภูสิงห์” ตึงเครียดหนัก กองทัพส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ 2 รอบ “ปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย” หลังกัมพูชาระดมกำลังจากพื้นที่ตอนในหวัง เข้ายึดพื้นที่ก่อนถึงเดดไลน์หยุดยิง 2 ทหารกล้าพลีชีพรักษา 2 ปราสาทสถานการณ์สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา ยังรุนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 แม้มีความพยายามตั้งโต๊ะเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับผู้นำกัมพูชา เพื่อยุติการสู้รบ โดยมีสหรัฐอเมริกา จีน และมาเลเซีย ร่วมเป็นตัวกลางในฐานะผู้ประสานงาน“ภูมิธรรม” ยกคณะคุย “ฮุน มาเนต”ที่กองบิน 6 (บน.6) สนามบินดอนเมือง เวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้แทนฝ่ายไทย ประกอบด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และ ผอ.ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ออกเดินทางจาก บน.6 ไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมประชุมกับผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายก รัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเชียน ไปร่วมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน ในเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า การเจรจาในวันนี้มีผู้แทนจากประเทศจีนและสหรัฐ อเมริกา ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ หลักการคือเพื่อให้มีการหยุดยิง เพราะไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับพลเรือน ตามหลักการพูดคุยผ่านทวิภาคี หัวใจของการพูดคุยของเราคือการยึดมั่นในอธิปไตย และยืนยันว่าไม่มีการใช้แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ยังไม่มีการคุยเรื่องนี้ ตอนนี้เราต้องยึดตามที่เราได้ประโยชน์ ส่วนเรื่องแผนที่อาจจะมีการแยกคุยกันในห้องเล็กของทีมงานทั้งสองฝ่ายต้องเข้าสภาหากมีข้อตกลงผูกพันทั้งนี้ นายภูมิธรรมยืนยันว่า การเจรจาไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างหยุดยิงแล้วจะเป็นแบบเดิม เรายึดมั่นในอธิปไตยของประเทศไทยเป็นหลัก ชีวิตทรัพย์สินของประชาชนเป็นหัวใจของการพิจารณาในการเจรจาวันนี้ หากมีเรื่องอะไรที่จะต้องผูกพันในระยะยาว หรือเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เราจะนำกลับเข้ามาหารือในที่ประชุมรัฐสภา และเราพูดไปแล้วว่าเราไม่เชื่อมั่นในกัมพูชา เพราะสิ่งที่กระทำที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นแล้วว่าเขาไม่มีความจริงใจ จริงจังในการแก้ปัญหา ดังนั้นการพูดคุยในวันนี้ต้องแสดงให้เราเห็นเชื่อประชาคมโลกเข้าใจไทยนายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า จริงๆเขาได้เสนอความเห็นกับมาเลเซีย จีน และสหรัฐอเมริกา เป็นการริเริ่มจากเขา สิ่งที่เรายังคลางแคลงใจคือเขาบุกเข้ามาดำเนินการที่เป็นปัญหา ขณะเดียวกันจะขอหยุดยิง ซึ่งเรื่องที่เสนอเรารับฟังมาตั้งแต่ต้น แต่เขาไม่เคยสนองเรื่องนี้เลย คนที่มีปัญหา โลกรู้ดี ไม่อยู่ในกติการะหว่างประเทศ เราประณามไปอย่างรุนแรง มีการยิงเข้ามาในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำในโลกนี้ ขณะที่สิ่งที่เราทำให้โลกเห็นคือการอยู่ในกรอบกฎหมาย และชาวโลกก็รับรู้ ทั่วโลกเข้าใจ และอยากให้การสู้รบที่กระทบพลเรือนยุติ เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะกัมพูชาละเมิดข้อตกลง และกฎหมายระหว่างประเทศ และ 3 ประเทศ (มาเลเซีย จีน สหรัฐอเมริกา) ที่ยื่นเรื่องเข้ามา ทุกคนพูดประเด็นเดียว กันคือไม่อยากเห็นสงคราม และไม่อยากเห็นการกระทำที่รุนแรงไปกว่านี้ พร้อมย้ำไทยไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นก่อน และยึดมั่นประโยชน์ อธิปไตยของประเทศ ยึดมั่นในเอกราชประโยชน์ของประเทศประชาชนไทยเป็นสำคัญ“รูบิโอ” ย้ำจุดยืน “ทรัมป์”จากนั้น สำนักข่าวต่างประเทศรายงานบรรยากาศ การเจรจาหาทางหยุดยิงครั้งแรกระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา หลังทั้งสองฝ่ายได้ปะทะอย่างดุเดือดตามแนวพรมแดนตลอด 5 วันที่ผ่านมา โดยการประชุมจัดขึ้นที่เมืองปุตราจายา รัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และจีนเข้าร่วม ซึ่งก่อนการประชุมนายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ยังย้ำจุดยืนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐฯว่าต้องการให้ความขัดแย้งไทย-กัมพูชายุติลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้หยุดยิงหลังเที่ยงคืน 28 ก.ค.หลังการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างนายภูมิธรรม ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทย กับนายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ที่เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 15.00 น. และหารือเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 17.30 น. ใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง 30 นาที จึงได้ข้อสรุปร่วมกัน จากนั้นทั้งคู่ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกัน พร้อมด้วยนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โดยนายอันวาร์กล่าวแถลงร่วมสามฝ่ายว่า ขอขอบคุณผู้นำไทยและกัมพูชาที่มาเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ และทั้งสองฝ่ายได้แสดงจุดยืนและความตั้งใจที่จะหยุดยิงโดยทันที การหยุดยิงโดยทันทีและไร้เงื่อนไขจะเริ่มต้นตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของคืนวันที่ 28 ก.ค.เป็นต้นไป นี่คือขั้นตอนสำคัญขั้นตอนแรกในการคลี่คลายสถานการณ์ฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงให้ ผบ.กองทัพนัดคุยกันต่อจากนั้น นายฮุน มาเนต ได้กล่าวว่า เป็นการประชุมที่ดี หวังว่าการต่อสู้จะยุติโดยทันที ตอนนี้มีชาวบ้านกว่า 300,000 คน พลัดถิ่นจากความขัดแย้งครั้งนี้ ขอขอบคุณนายอันวาร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ และรัฐบาลจีนที่เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย พร้อมขอบคุณนายภูมิธรรมที่มีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการเจรจา ในเวลา 07.00 น. ของวันที่ 29 ก.ค. ผู้บัญชาการกองทัพทั้งสองฝ่าย จะนัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการ ตามด้วยการประชุมระหว่างทูตทหารไทย-กัมพูชา ที่มีประธานอาเซียนเป็นประธานการประชุมในวันที่ 4 ส.ค. ส่วนตัวมีความมั่นใจว่า การเจรจาครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนสองฝั่งกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เพื่อให้ประเทศกัมพูชาและไทยเดินหน้าต่อไปย้ำใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การหารือประสบความสำเร็จ ทั้ง 2 ฝ่าย เห็นพ้องร่วมกันยุติการยิง มีผลในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 ก.ค.2568 และกลับไปใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นก้าวที่สำคัญในการลดทอนความรุนแรง และเริ่มฟื้นฟูสันติภาพความมั่นคงอีกครั้ง รวมถึงได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการโดยจะมีการประชุมระหว่างแม่ทัพภาค 1 และ 2 ของฝ่ายไทยและกองทัพภาค 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. อีกทั้งจะมีการเชิญผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนมารับฟังการหารือของทั้งสองฝ่ายด้วย นอกจากนี้ไทยขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่แสดงความกังวลและความ ปรารถนาดีตกลงหยุดยิงไม่มีเงื่อนไขต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการประชุมหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า กัมพูชาและไทย ได้บรรลุความเข้าใจร่วมกันคือ ตกลงหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข มีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น.คืนนี้ (เวลาท้องถิ่น) ของวันจันทร์ที่ 28 ก.ค. ให้มีการจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้บัญชาการกองกำลังของ 2 ประเทศ ได้แก่ กองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของฝ่ายไทย และกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของฝ่ายกัมพูชา โดยให้มีขึ้นในเวลา 07.00 น.ของวันอังคารที่ 29 ก.ค. จากนั้นจะมีการประชุมกับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร (Defense Attaches) โดยมีประธานอาเซียนเป็นผู้จัด หากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และการจัดการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee- GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. โดยประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพสื่อนอกชี้ “ภูมิธรรม” ไม่ปลื้มด้านสำนักข่าวบีบีซีอังกฤษรายงานว่า การประกาศหยุดยิงถือเป็นผลพวงจากการกระตุ้นของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และถือเป็นความดีความชอบของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายก รัฐมนตรีมาเลเซีย นอกจากนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจากกองทัพกัมพูชาที่มีอาวุธน้อยกว่าไทยกำลังถูกผลักดันให้ล่าถอย ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย มีท่าทีชัดเจนว่าไม่ได้ปลาบปลื้มกับผลลัพธ์จากการเจรจาครั้งนี้ แต่รับปากว่าจะเคารพการหยุดยิง คำถามที่จะเกิดหลังจากนี้คือ ทหารทั้งสองฝ่ายจะยุติการสู้รบหรือไม่ มีการถอนกำลังกันเช่นไร และจะมีใครมาตรวจสอบยืนยันว่าถอยไปจริงแล้วหรือไม่ กระบวนการหยุดยิงอาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะประสบผลสำเร็จสานต่อการจัดประชุม คกก.ชายแดนต่อมา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศมาเลเซีย ภายหลังการเจรจาหยุดยิงกับกัมพูชา ว่า ในส่วนของกองทัพปัจจุบันมี กำลังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 1 รักษาอธิปไตยได้เรียบร้อย ไม่มีพื้นที่ใดถูกรุกล้ำดินแดนเข้ามา ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือกองทัพให้ปกป้องไว้จนกว่าจะถึงเวลา 24.00น. และปฏิบัติตามข้อตกลงของนายภูมิธรรมที่ได้พูดคุยกับทางกัมพูชาในวันนี้เพื่อแสดงถึงความเป็นประเทศที่เจริญ และหลังจากนั้น กลไกที่จะทำต่อไป ตนเองจะกำกับกลไกตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และต่อด้วยการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) จะต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะหนึ่ง และยืนยันต่อประชาชนคนไทยว่ากองทัพพร้อมปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มขีดความสามารถกัมพูชายังไม่หยุดถล่มไทยกระนั้นก่อนหน้าการประชุมเจรจาหยุดยิง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์การสู้รบบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ยังดุเดือดมาตั้งแต่ก่อนเช้าของวันที่ 28 ก.ค.เมื่อทหารกัมพูชายังยิงปืนใหญ่ถล่มใส่บ้านเรือนประชาชนในไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า โดยที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชายังคงระดมยิงปืนใหญ่และจรวด BM-21 เข้ามาในพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 03.00 น.เป็นต้นมา และต่อเนื่องถึงเวลา ประมาณ 11.30 น.ทหารกัมพูชาใช้อาวุธ BM-21 ชุดแรกยิงเข้ามากระสุนตกอยู่บริเวณสวนปาล์มของชาวบ้าน จำนวน 8 ลูก ทำให้วัวของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ได้รับบาดเจ็บ ไส้ทะลัก 1 ตัว แต่ยังไม่ตาย ตำรวจตระเวนชายแดน ชุด ชรบ.และฝ่ายปกครองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบความเสียหายของต้นไม้จากแรงระเบิดจำนวนหลายจุดและวัวที่ได้รับบาดเจ็บ 1 ตัว จึงถ่ายรูปและรายงานให้กับทางอำเภอทราบก่อนจะรีบถอนตัวออกมา ทั้งนี้ นายพวย ตันถา อายุ 64 ปี เจ้าของวัว เปิดเผยว่า นำวัวไปผูกให้กินหญ้าอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จึงวิ่งเข้าไปดูพบลูกวัวตัวเมียที่เลี้ยงไว้ อายุ 2 ปี มีบาดแผลที่บริเวณใต้ท้องจนเห็นลำไส้ห้อยออกมา แต่ยังไม่ตาย จึงช่วยกันดึงเข้ามาไว้ในที่ปลอดภัยและรีบหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ ที่ผ่านมาไม่เคยพบกระสุนเข้ามาตกในบริเวณนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกเสียใจที่วัวได้รับบาดเจ็บ สำหรับการรักษาคงจะทำเท่าที่ทำได้ แต่ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่พนมดงรักปะทะต่อเนื่องส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ยังคงมีเสียงปืนปะทะกันเป็นระยะตั้งแต่เวลา 03.00 น.วันที่ 28 ก.ค.เป็นต้นมา แม้ว่าเสียงปืนจะไม่รุนแรงต่อเนื่องเหมือนเมื่อวันที่ 27 ก.ค.แต่ก็ดังเป็นระยะๆ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านยังคงหลบภัยอยู่ตามหลุมบังเกอร์ของหมู่บ้าน ขณะที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงดึกวันที่ 27 ก.ค. มีรายงานว่าทหารกัมพูชาขนรถถังอาวุธยุทโธปกรณ์มาประชิดชายแดนด้าน อ.กาบเชิง หวังจะบุกชายแดนด้านนี้ แต่ทหารไทยยิงปืนใหญ่สกัดต่อเนื่องนับสิบนัด กระทั่งข้ามวันมาในเวลาประมาณ 03.00 น.ไทยยิงสกัดอีก 2 ลูก ก่อนที่จะเงียบไปถึงช่วงเช้า แต่กลับไปยิงสนั่นที่ชายแดนด้าน อ.พนมดงรัก คาดว่าทหารกัมพูชาจะพยายามยึดปราสาทตาควายและตาเมือนธมให้ได้สุรินทร์ประกาศเขตภัยพิบัติขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ออกหนังสือด่วนที่สุด ประกาศเขตภัยพิบัติ เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด โดยรายละเอียดในหนังสือระบุถึงนายอำเภอ ทุกอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และนายก เทศมนตรีเมืองสุรินทร์ ด้วยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการปะทะตลอดแนวชายแดนอำเภอบัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ด้วยอาวุธหลายชนิด รวมถึงการโจมตีสถานที่สำคัญ เช่น สถานบริการสาธารณสุข สถานีบริการน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และพื้นที่ชุมชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นออกเกณฑ์การเบิกเงินช่วยเหลือในประกาศดังกล่าวระบุว่า ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดสาธารณภัยหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัย หรือกรณีฉุกเฉิน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ จึงขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนขององค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นในสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยในประกาศมีการออกมาตรการ 4 ข้อ สาระสำคัญขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามหน้าที่ และอำนาจให้ความสำคัญสูงสุดกับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนตามพื้นที่ชายแดนดังกล่าว รวมถึงหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในยามเกิดกรณีฉุกเฉินถล่มหน่วยเสนารักษ์เจ็บเพียบผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 12.10 น.เฮลิคอปเตอร์บินมาที่สนาม ภายในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 217 อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อส่งทหารไทยที่บาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบกับกัมพูชาในพื้นที่ชายแดนด้าน อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ 1 นาย จากนั้นรถพยาบาลฉุกเฉิน รพ.ปราสาท รับตัวไปส่งรักษาด่วนที่โรงพยาบาลปราสาท ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็น รพ.สนามของทหาร นอกจากนี้ มีรายงานว่าทหารไทยที่บาดเจ็บอีกหลายสิบนายกำลังถูกลำเลียงมาจากพื้นที่สู้รบที่มีการยิงปะทะกันอย่างหนักที่บริเวณชายแดนช่องกร่าง อยู่ระหว่างปราสาทตาควายกับปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก ซึ่งเป็นหน่วยเสนารักษ์ ลำเลียงโดยยานพาหนะมายัง รพ.ปราสาท และต่อมามีรายงานว่า ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย ทหารกัมพูชารุกใกล้อ่างเก็บน้ำสำหรับการสู้รบในวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง หลังพบข้อมูลทหารกัมพูชาเคลื่อนรถถัง อาวุธหนักพร้อมกำลังพลประชิดชายแดน อ.พนมดงรักและ อ.กาบเชิง ขณะที่บริเวณใกล้กับอ่างเก็บน้ำห้วยด่าน บ.ด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง พบทหารกัมพูชาลักลอบข้ามเข้ามาถึงคลองใกล้กับอ่างเก็บน้ำห้วยด่าน ก่อนที่ทหารไทยจะยิงขับไล่จนทหารกัมพูชาล่าถอยออกไป นอกจากนี้มีรายงานว่า ขณะนี้ทหารไทยตีแตกทำลายกองทัพกัมพูชาที่ประชิดชายแดนด้าน อ.พนมดงรัก ได้แล้ว แต่ยังคงมีเสียงยิงตอบโต้เป็นระยะ หลังจากเครื่องบิน F-16 บินเข้ายิงสนับสนุนในพื้นที่ในช่วงเวลาประมาณ 10.30 น.กัมพูชาโจมตีไทยดึกยันสว่างต่อมาเพจเฟซบุ๊กกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ข้อความว่า เข้าวันที่ 5 ของการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พักมีทุกแบบ ทั้งคืนไทยทำลายกระเช้า-บันไดตัดเส้นทางขึ้นภูมะเขือ ซึ่งในเวลาต่อมา เพจเฟซบุ๊กกองทัพบกไทย ทันกระเเส โพสต์ข้อความว่า จุใจ ไข่ยกแผง F-16-Gripen ส่งตรงทุกที่หมาย ตาควาย ช่องอานม้ายันยังปะทะเดือดกันหลายจุดต่อมา พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค. ยังคงมีการปะทะในหลายพื้นที่ ได้แก่ บริเวณช่องจอม จ.สุรินทร์ พื้นที่เขาพระวิหาร และปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ พื้นที่ช่องอานม้า และช่องบก จ.อุบลราชธานี ในภาพรวมการสู้รบยังคงมีการโจมตีเข้ามาด้วยอาวุธยิงสนับสนุน และอาวุธหนักหลายชนิด ซึ่งฝ่ายไทยได้ยิงโต้ตอบ โดยมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางและทำลายอาวุธ ยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงลิดรอนกำลังรบของฝ่ายกัมพูชาให้หมดขีดความสามารถในการรุกล้ำเข้าสู่ภูมิประเทศสำคัญที่ฝ่ายเราได้ยึดครองไว้แล้ว โดยปฏิบัติการรบร่วมกับกองทัพอากาศอย่างใกล้ชิดสดุดีกำลังพลเสียชีวิตพ.อ.ริชฌากล่าวในเวลาต่อมาอีกว่า กองทัพบกรับรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ อีก 1 นาย คือสิบเอก อัมรินทร์ ผาสุข สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพบกขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวและทายาทของทหารกล้าเหล่านี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละของท่านเหล่านี้“มทภ.2” โต้เฟกนิวส์กัมพูชา ลั่นยังอยู่ด้าน พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาเผยแพร่ภาพและข่าวลือว่าตนเสียชีวิตว่า เป็นข่าวปลอม หวังทำลายขวัญกำลังใจทหารแนวหน้าและคนไทย ยืนยันว่าปัจจุบันนี้ตนยังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เจ้าหน้าที่ทหารทุกคนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการปกป้องอธิปไตยของไทยต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและประชาชนมีความปลอดภัยอย่างแท้จริงทหารสละชีพเพิ่มอีก 1 นายจากนั้นในช่วงค่ำวันเดียวกัน มีรายงานว่า ทหารไทยเสียชีวิตจากการปะทะกับทหารกัมพูชาเพิ่มอีก 1 นาย นับเป็นรายที่ 10 ได้แก่ จ่าสิบเอก อโณทัย ป้องแก้ว ทหารหน่วยรบพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3 ณ จุดปะทะปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 16.30 น. และจุดดังกล่าวมีกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 3 นายในหลวงพระราชทานเสื้อกันฝนขณะที่เพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ภาพและข้อความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเสื้อกันฝนพระราชทาน 4,000 ตัว เพื่อมอบให้กับพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่อพยพมาพักอยู่ในศูนย์พักพิงที่ได้ จัดตั้งขึ้น และเพื่อมอบให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่าย ปกครอง โดยมีพลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 กระทำพิธีรับพระราชทานเสื้อกันฝนพระราชทานต่อ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม โดยเฉพาะภัยจากนอกประเทศที่มิได้ตั้งตัวแต่อย่างใด จึงได้พระราชทานสิ่งของ เพื่อแสดงถึงความห่วงใย และนำมามอบให้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบความเดือดร้อน พระองค์ทรงรับทราบและติดตามสถานการณ์ความลำบากอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองพระองค์หวังว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ววัน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าอย่างหาที่สุดมิได้EOD กู้ระเบิดกัมพูชาตกใส่บ้านส่วนกรณีนายเสงี่ยม ตัวประโคน อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 53 ม.6 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า บ้านอาจจะถูกยิงจากปืนใหญ่ของกัมพูชา เนื่องจากหลังคาบ้านเป็นรูขนาดเส้นผ่า ศูนย์กลางประมาณ 40 ซม. และพื้นบ้านในห้องนอนของบ้านพบรูขนาดใหญ่เจาะเข้าพื้นปูน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วคาดว่าน่าจะเป็นลูกจรวด BM-21 ของทหารกัมพูชาที่ยิงเข้ามาเมื่อวันที่ 24 ก.ค.วันปะทะกันวันแรก แต่เพิ่งมาพบเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 28 ก.ค. ตำรวจ EOD ของ ตชด. เข้าไปตรวจสอบเพื่อหาทางเก็บกู้ระเบิดดังกล่าวต้องให้ระเบิดจากในบ้านต่อมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับ การตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ มาตรวจสอบร่วมกับตำรวจชุด EOD ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการเก็บกู้ แต่เป็นไปด้วยความลำบาก เพราะลูกจรวดฝังลึกไปในดินไม่น้อยกว่า 5 เมตร ชุด EOD จึงทำตามแผนที่สองตามที่ตกลงกับเจ้าของบ้านเอาไว้แล้วคือจะต้องทำลายระเบิดภายในบ้าน ที่จะทำให้บ้านได้รับความเสียหายแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าระเบิดจะรุนแรงแค่ไหน จากนั้นตำรวจชุด EOD ได้ต่อสายชนวนตามยุทธวิธีการเก็บกู้ระเบิด โดยกันผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกห่างไปจากจุดที่ทำการกู้ประมาณ 200 เมตร เมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่จุดชนวนทำการระเบิดได้สำเร็จ ตรวจสอบพบว่าภายในห้องนอนในบ้าน พบเป็นหลุมดินขนาดใหญ่ลึกประมาณ 80 ซม. หลังคาบ้านถูกแรงระเบิดเปิดออกไปครึ่งหลัง แต่ฝาผนังปูนของบ้านไม่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า เจ้าของบ้านยินดีที่ให้เก็บกู้ในลักษณะนี้ เพราะถ้าไม่เก็บกู้จะไม่มีใครกล้าอยู่ รวมถึงเพื่อนบ้านที่ต้องผวาไปด้วยจวกกัมพูชากล่าวหาไทยใช้อาวุธเคมีวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศแถลงการณ์ กรณีมีการกล่าวหากองกำลังของไทยใช้อาวุธเคมีว่า ไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ ประเทศไทยยืนยันการยึดมั่นต่อพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี ยืนหยัดในท่าทีในการประณามการใช้อาวุธเคมีไม่ว่าจะเป็นที่ใด โดยผู้ใด หรือภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม นอกจากนี้ ประเทศไทยยังยึดมั่นต่อตราสารระหว่างประเทศด้านการลดอาวุธและการไม่แพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงทั้งปวง นับตั้งแต่ไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีเมื่อปี 2546 ไทยได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ด้วยการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การห้ามอาวุธเคมี รวมทั้งกับรัฐภาคีอนุสัญญาอื่นๆ ดังนั้น กต.ขอประณามการออกข่าวบิดเบือนที่ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ข้อกล่าวหาดังกล่าวขาดมูลความจริง สะท้อนการบิดเบือนข้อมูลอย่างเป็นระบบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงในพื้นที่ มีเจตนาที่จะบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือและสถานะของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศกัมพูชาขยับ PHL–03–ส่งแฮกเกอร์ป่วนจากนั้นเวลา 16.00 น.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 28 ก.ค. ณ เวลา 12.00 น. ดังนี้ ฝ่ายกัมพูชาระดมยิง BM-21 หลายแนวรบ โดยเฉพาะเนิน 677 ภูผี ผามออีแดง พระวิหาร และภูมะเขือ นอกจากนั้นยังพบความเคลื่อนไหวระบบขีปนาวุธ PHL-03 ในพื้นที่สนามบินสำโรง จ.อุดรมีชัย ฝ่ายเราตอบโต้ตามระดับภัยคุกคามอย่างเท่าเทียม จนถึงการใช้อาวุธต่อเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่ช่องบก ช่องอานม้า ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม นอกจากนี้ ยังเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ พบกลุ่มแฮกเกอร์ชาวกัมพูชาเจาะระบบของส่วนราชการต่างๆ ผ่าน CORS/N C D C นอกจากนั้นยังตรวจพบทหารกัมพูชาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่แนวหน้า ฝ่ายกัมพูชามีแนวโน้มใช้อาวุธยิงระยะไกลในพื้นที่ทางลึก มีแนวโน้มการปะทะยังคงรุนแรง โดยเฉพาะพื้นที่ช่องอานม้า ภูผี ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย รวมทั้งต้องเฝ้าระวังภัยไซเบอร์และการแทรกซึมของสายลับจากกัมพูชาพบทหารกัมพูชายิงกันเองศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าขณะที่ฝ่ายเราเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อวางกำลังการปะทะสำคัญ ในพื้นที่ช่องอานม้า ภูผี และภูมะเขือ ปะทะหนัก ฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชา ยิงปืน ค. ตอบโต้ตลอดคืน บาดเจ็บหลายราย ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย ฝ่ายกัมพูชายังคงความมุ่งมั่นในการยึดรักษาและพยายามเข้าควบคุมพื้นที่ พบการรวมกำลังและเพิ่มเติมกำลังขึ้นมาจากพื้นที่ตอนในของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังปรากฏว่าฝ่ายกัมพูชา ยิงพลาดใส่ฝ่ายเดียวกันในพื้นที่ช่องอานม้าและผามออีแดง ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการที่มีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาหลายหน่วย ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการติดต่อสื่อสาร โดยเวลา 16.30 น. วันที่ 27 ก.ค.2568 ฝ่ายไทยได้ส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตชาวกัมพูชา จำนวน 12 นาย ที่เสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ภูมะเขือกลับแผ่นดินเกิดตามหลักมนุษยธรรมอพยพ ปชช.กว่าแสนคนศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนทั้ง 4 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่ 1 จุด 12,865 คน จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่ 92 จุด 48,438 คน จ.ศรีสะเกษ อพยพ เข้าพื้นที่ 187 จุด 38,618 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่ 68 จุด 19,151 คน ปัจจุบันดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 119,072 คน ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย บ.สายโท 8 ใต้ บ.สายโท 5 ใต้ บ.สายโท 4 ใต้ ต.จันทบเพชร และ บ.สายโท 1 เหนือ ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ถูกกระสุนปืนใหญ่และ BM-21 ตก 28 ลูก ที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย และ บ.หนองเม็ก บ.ภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย และเสียชีวิต 1 รายส่ง F–16 ปฏิบัติการรอบสองผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนถึงเวลาหยุดยิง 24.00 น. คืนนี้ ตามที่ไทย-กัมพูชา ได้ข้อสรุปร่วมกัน ที่ประเทศมาเลเซียนั้น ช่วงเย็นที่ผ่านมา ทางฝั่งกัมพูชายังใช้อาวุธหนักเข้ามาฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ ปฏิบัติภารกิจพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รอบที่ 2 โดยรอบแรกเกิดขึ้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา ผลการปฏิบัติงาน บรรลุเป้าหมายพร้อมบินกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับรอบแรกช่วงเช้าที่ผ่านมาประชาชนตายเพิ่มอีกวันเดียวกัน นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในส่วนของพลเรือนจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ณ เวลา 11.30 น. วันที่ 28 ก.ค. พลเรือนเสียชีวิต มีเพิ่ม 1 ราย จาก จ.ศรีสะเกษ รวมผู้เสียชีวิตสะสม 14 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บ มีเพิ่ม 2 ราย รวมผู้บาดเจ็บสะสม 38 ราย แบ่งเป็นบาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ปัจจุบันนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 16 รายปิด รพ.ละหานทรายนพ.วรตม์กล่าวอีกว่า ส่วนโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง โดยวันที่ 28 ก.ค.โรงพยาบาลปิดบริการทั้งหมด 12 แห่ง โดยเพิ่มอีก 1 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จากเดิมที่ปิดบางส่วน เป็นปิดบริการทั้งหมด และมี รพ.ที่ปิดบางส่วน 7 แห่ง มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 จังหวัด รวม 534 แห่ง แบ่งเป็น จ.อุบลราชธานี 69 แห่ง จ.ศรีสะเกษ 363 แห่ง จ.สุรินทร์ 68 แห่ง จ.บุรีรัมย์ 2 แห่ง จ.ตราด 14 แห่ง จ.สระแก้ว 14 แห่ง จ.จันทบุรี 4 แห่ง มีผู้เข้าพัก ในศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว จำนวน 156,966 คน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง 29,138 คน แบ่งเป็น ผู้พิการ 808 คน ผู้สูงอายุ 20,807 คน ผู้ป่วยติดเตียง 671 คน หญิงตั้งครรภ์ 246 คน เด็กเล็ก 0-5 ขวบ จำนวน 6,061 คน ผู้ป่วยฟอกไต 175 คน ผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง 370 คนเครียดสูงเสี่ยงฆ่าตัวตาย ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับนายอนุชา สะสมทรัพย์ รมช.สาธารณสุข และผู้บริหาร สธ.ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมแพทย์ประเมินสภาพจิตใจของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 11,106 คน พบว่า มีความเครียดสูง 60 คน และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 46 คน จึงได้ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักคือ จ.ศรีสะเกษ ได้ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ รถเคลื่อนที่ไปดูแลประชาชนเพิ่มขึ้น และเตรียมแผนรองรับกรณีมีการใช้อาวุธพิสัยไกล ซึ่งจะต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลรอบนอกเพื่อความปลอดภัยด้วยต้องสร้าง รพ.ใหม่ 3 แห่งนายสมศักดิ์กล่าวด้วยว่า สถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขได้รับผลกระทบทั้งหมด 19 แห่ง มีความเสียหายมาก 3 แห่ง อาจต้องสร้างใหม่ สำหรับค่าก่อสร้างยังประเมินไม่ได้ แต่ค่าใช้จ่ายที่ผ่านมาใช้ไปหลัก 100 ล้านบาท ทั้งนี้ สถานพยาบาลที่เสียหายมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 3 แห่ง ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ความเสียหายอยู่ระหว่างสำรวจ จ.สุรินทร์ มี รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ มี 5 อาคารได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าความเสียหาย 3.35 ล้านบาท แบ่งเป็น 1.อาคารภูมิพัฒน์ เสียหายครึ่งอาคาร ราคาประเมิน 1,500,000- 2,000,000 บาท 2.อาคารขวัญภูมินทร์ เสียหายบางส่วน ราคาประเมิน 300,000-500,000 บาท 3.อาคารหลวงตารอด เสียหายบางส่วน ราคาประเมิน 300,000-500,000 บาท 4.หลังคาอาคารออกกำลังกาย เสียหายบางส่วน ประเมินราคา 150,000 บาท 5.ห้องคลอด เสียหายบางส่วน ราคาประเมิน 200,000 บาท อาคารอื่นๆยังเข้าสำรวจไม่ได้เร่งส่งกัมพูชาตกค้างกลับบ้านส่วนบรรยากาศตามด่านชายแดนที่บางจุดเปิดให้พลเมืองของทั้งฝั่งเดินทางข้ามแดนได้ ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ จ.สระแก้ว แจ้งด่วนว่าจะมีการเปิดด่านชายแดนถาวรทั้งสองฝั่ง ไทย-กัมพูชา ในเวลา 13.00 น. เพื่อให้คนไทยที่ยังตกค้างอยู่ในฝั่งกัมพูชาและชาวกัมพูชาที่อยู่ฝั่งไทยได้เดินทางกลับภูมิลำเนา การเปิด ด่านครั้งนี้ถือเป็นรอบสุดท้ายของวันที่ 28 ก.ค. จากนั้นตั้งแต่เวลา 13.00 น. ที่บริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางขาออก จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศประสานงานร่วมกันเปิดประตูเล็กให้ประชาชนทยอยเดินทางกลับ นอกจากชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศแล้ว มีคนไทย 500-600 คน เดินทางกลับเข้ามาในไทยเช่นเดียวกัน จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ระบุคนไทยชุดแรกที่เดินทางกลับเข้ามาราว 300 คน ส่วนใหญ่ถือหนังสือเดินทางและวีซ่าใกล้หมดอายุ โดยร้อยละ 80 ของคนไทยที่กลับมา ไปทำงานเป็นแอดมิน และมีบางส่วนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกกฎหมาย ขณะที่ฝั่งกัมพูชาบังคับใช้กฎหมายเรียกเก็บค่าปรับผู้พำนักเกินกำหนดวันละ 500 บาท ไม่มีข้อยกเว้น ขณะที่ฝั่งไทยอนุโลมไม่เรียกเก็บค่าปรับ สำหรับแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับแต่อย่างใด โดยไทยเนรเทศแรงงานกัมพูชาที่ลักลอบทำงานกลับประเทศ ชุดแรก 71 คน ชุดที่ 2 จำนวน 61 คน ส่งที่หน้าด่านเพื่อเนรเทศกลับประเทศ และอีกชุดในช่วงเย็นราว 100 คน“เสธ.เบิร์ด” ซัดยิงมายิงกลับวันเดียวกัน ที่อาคารมาลีนนท์ พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับ กอ.รมน. กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของนายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ว่านายฮุน มาเนต สวมหมวก 2 ใบ หนึ่งคือเป็นนายกฯ และเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกมาก่อน ส่วนตัวคิดว่า ในหมวกความเป็นทหาร ได้ทิ้งสิ่งนี้ไปแล้ว ส่วนหมวกนายกฯ ซึ่งเป็นหมวกทางการเมือง ทำให้ไม่เห็นความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ของผู้บริสุทธิ์ อยากตั้งคำถามไปถึงนายฮุน มาเนต ที่เป็นทหารด้วยกันว่าได้ใช้อาวุธไกลทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวไทย พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปจากครอบครัวและเพื่อนของเขา ความมีมนุษยธรรมตรงนี้ของท่านหายไปไหน ขณะที่ท่านไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหารในต่างประเทศ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เกิดมนุษยธรรมในจิตใจของท่านหรือไม่ จึงได้ทำสิ่งที่โหดร้ายขนาดนี้ ส่วนการเจรจาหยุดยิงนั้น กองทัพพร้อมที่จะปฏิบัติการทุกอย่างตามที่รัฐสั่งการ แต่ในขณะนี้กองทัพขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง หากจริงใจต่อกันและหยุดยิงทั้งสองฝ่ายก็จบไป แต่หากปากบอกว่าหยุดยิง ในการปฏิบัติจริงยังคงมีการยิงอยู่ เราจะไม่โกงเหมือนกัน ยิงมาก็ยิงกลับอัดปั่นข่าวเท็จโกหกสารพัดพล.ต.วันชนะกล่าวถึงส่วนที่มีข่าวปลอมว่า ไทยใช้อาวุธทางเคมีโจมตีกัมพูชานั้น ว่า การแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ได้กล่าวข้อความเท็จเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ออกสู่สาธารณะ และออกสู่ประชาคมโลก ทำให้ความน่าเชื่อถือของท่านน้อยลง และสิ่งนี้จะย้อนกลับไปหาตัวท่าน ส่วนประชาชนขอให้เสพข่าวสารที่เชื่อถือได้ ที่ผ่านมาเท็จหลายอย่าง และเท็จแบบหน้าด้านๆ แม้กระทั่งการกล่าวหาไทยว่า รุกรานก็ไม่จริง ความจริงแล้วเป็นประเทศของท่านเป็นผู้รุกรานประเทศไทยก่อนความขัดแย้งไม่ได้เกิดจาก ปชช.ส่วนการประเมินสถานการณ์บริเวณชายแดน พล.ต.วันชนะระบุว่า เป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่สามารถตอบได้ แต่สิ่งที่อยากจะฝากถึงประชาชนชาวไทย อยากให้เห็นว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชน ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประชาชนไทย และประชาชนกัมพูชายังเหมือนเดิม ขอให้แยกแยะ และปฏิบัติตนกับชาวกัมพูชาในประเทศไทยอย่างฉันมิตร เพื่อให้ไม่ตกเป็นเครื่องมือปลุกปั่นของฝั่งกัมพูชา ในอนาคตเมื่อบริบทแวดล้อมเปลี่ยนไป การเจรจาตกลง อาจมีวิธีการพูดคุย และปฏิบัติต่อกันอย่างลงตัวมากกว่านี้คนแห่สัมผัส “กริพเพน”วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ ดอนเมือง ประชาชนจำนวนมากพาลูกหลานเข้าสัมผัสเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen A หมายเลขลำ 39178 ที่รัฐบาลสวีเดนมอบเป็นที่ระลึกแก่กองทัพอากาศไทยเพื่อเฉลิมฉลอง “ครบรอบร้อยปีการบินของบุพการีกองทัพอากาศ” ในงาน “Built to inspire แรงบันดาลใจ สร้างได้จากสองมือ” และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปิดให้ประชาชนผู้สนใจเข้าชมฟรี ระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค.ในงานได้เปิดให้ประชาชนเข้าสัมผัสบรรยากาศภายในห้องนักบิน “กริพเพน” เป็นกรณีพิเศษด้วย ทำให้มีประชาชนและเด็กๆส่วนใหญ่ ต่างแต่งกายในชุดนักบินถ่ายรูปกับเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen A เป็นที่ระลึกกันอย่างคึกคัก โดยบรรยากาศดังกล่าวเป็นกระแสฟีเวอร์ต่อเนื่อง หลังจากกองทัพอากาศไทยนำเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen หรือฉายา “ฉลามอันดามัน” ปฏิบัติการทางอากาศในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2568 เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนครั้งแรกของโลก ที่มีการใช้ปฏิบัติการสู้รบจริง สร้างความประทับใจให้คนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศฯ เปิดเผยว่า กระแสกริพเพนฟีเวอร์ครั้งนี้ ทำให้ตลอด 2 วันที่ผ่านมา มีประชาชนและเด็กๆ เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศฯมากกว่า 3 หมื่นคน จากปกติมีผู้สนใจเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประมาณ 500 คนต่อวันในวันธรรมดา และประมาณ 2 พันคนในวันเสาร์-อาทิตย์อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่