ก็เป็นความหวังดีของประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯที่เสนอตัวเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย เพื่อสร้างสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยใช้เรื่องภาษีตอบโต้มาเป็นเกมกดดัน ถ้าไทยและกัมพูชาไม่ยอมหยุดยิง ทรัมป์จะไม่เจรจาเรื่องภาษีตอบโต้ ไทยและกัมพูชาถูกทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีไว้ที่ 36% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ทรัมป์ ได้โพสต์เมื่อเวลา 23.23 น. เวลาไทย (26 ก.ค.) หลังจากที่ได้พูดคุยกับ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา คุยกับ คุณภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ แล้วคุยกับ ฮุน มาเนต อีกครั้งว่า แจ้งนายกฯ กัมพูชาเรื่องที่ได้คุยกับรักษาการนายกฯไทย ทั้งสองฝ่ายต้องการหยุดยิงและสร้างสันติภาพในทันที แล้วอยากกลับโต๊ะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯด้วย ซึ่งเราคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนี้จนกว่าการสู้รบจะหยุด พวกเขายอมที่จะพบปะกันทันที และรีบหาทางหยุดยิงให้ได้และสุดท้ายคือสันติภาพ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ตกลงกับสองประเทศ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว และสันติภาพมาถึงแล้ว ผมก็ตั้งตารอที่จะสรุปข้อตกลงการค้ากับทั้งสองประเทศนายกฯ กัมพูชา รับปากกับผู้นำสหรัฐฯ แทนที่จะหยุดยิงทันที กลับทำตรงข้าม พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์ ศบ.ทก. แถลงว่า เวลา 02.10 น. (27 ก.ค.) กัมพูชาได้ส่งทหารเข้าปะทะพื้นที่ใกล้เคียงเขาพระวิหารอีก เวลา 06.10 น. ยิงจรวด BM–21 ใส่บ้านตาใส อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เป้าหมายพลเรือน ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย ก่อนหน้านี้ 26 ก.ค. เวลา 15.30 น. ก็ยิงปืนใหญ่ใส่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.ศรีสะเกษ รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เสริมกำลังทหาร ดัดแปลงที่มั่นแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง และยังวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งละเมิดต่อสัญญาออตตาวาแสดงว่า นายกฯกัมพูชา ไม่ได้สนใจคำพูดที่รับปากกับประธานาธิบดีทรัมป์ วันนี้ ผู้นำสหรัฐฯ คงได้รู้จัก ผู้นำเขมร มากขึ้น เป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ ผมเห็นด้วยกับ คุณภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ที่ยืนยันกับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ว่า ในหลักการฝ่ายไทยเห็นชอบต่อการหยุดยิง แต่ฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงความจริงใจให้มั่นใจ เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการที่ชัดเจนสำหรับการหยุดยิง และนำไปสู่การยุติข้อพิพาทอย่างสันติและยั่งยืนต่อไปพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ซึ่งอยู่ในวงสนทนากับ ประธานาธิบดีทรัมป์ ด้วย เปิดเผยว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งกับผู้นำสหรัฐฯว่า ไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต้องฟังเสียงประชาชน มีกลไกรัฐบาล ไม่สามารถตอบได้ทันที ต่างจากกัมพูชาที่ปกครองโดยคน 2–3 คน ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายเดียวคือ ปกป้องอธิปไตยและสนับสนุนกองทัพเต็มที่ ไทยมีความจริงใจที่จะเจรจาหยุดยิง แต่การยิงของกัมพูชาช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เป็นการแสดงความไม่จริงใจของกัมพูชา กองทัพไม่มีความสบายใจครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกกัมพูชาถอนทหารแต่วางกับระเบิดไว้พล.อ.ณัฐพล ยังได้พูดถึง อาวุธหนักยิงไกลถึง 130 กม.ของกัมพูชา ว่า กังวลมานานแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ต้องบอกความจริง ที่ผ่านมากองทัพถูกตัดงบประมาณจัดซื้ออาวุธ ซื้อเท่าที่จำเป็น อาวุธที่ใช้ในการรุกรานไม่ซื้อ ซื้อแต่อาวุธที่ใช้ป้องกันอธิปไตย ไทยมีอาวุธที่ใช้รุกรานจำนวนหนึ่งแต่ไม่มาก แต่กัมพูชามีถึง 6 ระบบ กองทัพต้องมาทบทวนในเรื่องนี้ในหลวง รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์เตือนไว้แล้ว “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์” บ่ายวันอาทิตย์ 27 ก.ค. มีข่าวดีจากโพสต์ Thai Navy warships ว่า “จรวดหลายลำกล้อง PHL–03 ตัวเด็ดของกัมพูชาถูกทำลายแล้ว 1 ระบบ เหลืออีก 5 ระบบรอถูกทำลาย #ไปกันต่อ” ผมเปิดดูศักยภาพ จรวด PHL–03 ของกัมพูชาที่ผลิตจากจีน แล้ว ต้องยอมรับว่าร้ายกาจจริงๆ มีหัวรบระเบิดทำลายล้างสูงในวงกว้าง กองทัพไทยต้องเร่งทำลายจรวด PHL–03 อีก 5 ระบบที่เหลือ เพื่อทำลายศักยภาพการรุกรานของกองทัพกัมพูชา ก่อนเปิดการเจรจาหยุดยิง “ไทยต้องยึดความมั่นคงของชาติเป็นหลัก” เรื่องภาษีการค้าสหรัฐฯค่อยมาว่ากันทีหลัง.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม