ดินแดนบางส่วนเซนซิทีฟเป็นของประเทศไหนกันแน่ แผ่นดินประเทศไทยหรือแผ่นดินประเทศของกัมพูชา นายชิบ จิตนิยม สว. รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา (กมธ.) เปิดประเด็นสำคัญที่เป็นข้อพิพาทมหากาพย์ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยหยิบขึ้นมาพูดในจังหวะที่กัมพูชาเป็นผู้เริ่มต้นเปิดฉากโจมตีไทยก่อนในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค.2568โดยโจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่ ทางการไทยชี้ให้เห็นถึงเจตนาโจมตีพื้นที่พลเรือน ส่งผลให้ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต จำนวนมากก่อนหน้านั้นวุฒิสภาเตรียมยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แต่วิปวุฒิสภาหรือ กมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภาชะลอยื่นญัตติดังกล่าวออกไปก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคำร้องที่ สว.ส่งให้วินิจฉัยคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากปมคลิปเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ สนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชานายชิบ ชี้ให้เห็นแม้วุฒิสภาชะลอการยื่นญัตติดังกล่าว แต่ กมธ.ต่างประเทศ กมธ.ทหารและความมั่นคง เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามาตลอดส่วนผมที่อยู่ใน กมธ.ต่างประเทศ และคณะอนุ กมธ.ต่างประเทศ ซึ่งเกาะติดสถานการณ์โลกที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยและอาเซียน โดยเฉพาะตลอด 1 เดือนหลังเกิดเหตุความรุนแรงพื้นที่ทับซ้อนในทะเล พื้นที่ชายแดนที่มีปัญหา ผมถูกตั้งให้เป็นคนรายงานสถานการณ์ข้อพิพาททุกสัปดาห์พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานความมั่นคง นักวิชาการที่เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ที่ทำวิจัยเรื่องแผนที่เส้นแดนต่างๆมาให้ข้อมูล ที่ศึกษาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชามา 30-40 ปี“ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ค้นคว้าเอกสารตั้งแต่สมัยกัมพูชาโบราณจนถึงยุคฝรั่งเศสยึดครอง มาถึงการแบ่งสันปันน้ำที่ยาวมากยังมีบันทึกด้วยวาจาที่ทางฝรั่งเศสถืออยู่ รวมถึงความละเอียดของแผนที่ บางเรื่องมันพูดไม่ได้ หากพูดไปจะเสียยุทธศาสตร์ดำเนินการเจรจาเรื่องดินแดนข้อมูลที่ประชุมใน กมธ.ล้วนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางประเด็นมีประชุมลับ เหมือนพอเกิดเหตุ 24 ก.ค. ที่ประชุมสภาก็ประชุมลับ ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติให้ความสำคัญกับประเด็นที่อ่อนไหว”วันนี้ดูท่าทีทางกัมพูชาเหมือนเตรียมการณ์มาอย่างดี โดยทำทุกอย่างที่แรงกว่าไทย เช่น ประเด็นความสัมพันธ์ระดับการทูต ผู้นำกัมพูชาส่งจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันทีเมื่อมีเหตุปะทะกันแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาเร็วกว่าไทยตลอด เพราะไทยในเชิงการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ทุกอย่างต้องสุขุม รอบคอบ เช่น การพิสูจน์กับระเบิดใหม่หรือระเบิดเก่า ถ้ารีบฟังธงโดยยังไม่เสร็จสิ้นการพิสูจน์ในเชิงการทูตถือว่าเพลี่ยงพล้ำหมดเครดิตจึงขอร้องให้คนไทยใจเย็นๆ แต่ในความรู้สึกของคนไทย เค้าแรงมา เราต้องแรงกลับ ตอบโต้เอาให้สาสม สัมผัสได้จากพอมีข่าวว่ากองทัพภาคที่ 2 ส่งทหารยึดวัดแก้ว-เขาพระวิหารคืน สังคมโซเชียลดีอกดีใจ เอาเลย ไม่ต้องส่งคืน หลังจากสูญเสียไปตอนปี 2505 แต่ผู้นำไทยในยุคนั้นประกาศ “สักวันหนึ่งต้องกลับมาเป็นของไทย”ขณะเดียวกันมีคำพูดสะกิดใจ ทั้งเหตุการณ์ที่เขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย สมเด็จฮุน เซน เคยระบุว่า “ดินแดนบริเวณนี้จะกลายเป็นฉนวนกาซาแห่งที่ 2” เพราะเขารู้สึกมีความเชื่อว่าเป็นดินแดนของเขา เหมือนคนไทยรู้สึกว่ามันเป็นของเราเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์โดยไม่ต้องถึงขั้นทำสงครามกันรัฐบาล–กต.ต้องทำงานเชิงรุกให้มากขึ้นและหนักขึ้นนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ โดยรัฐบาล กต. ต้องมียุทธศาสตร์สื่อสารกับองค์กรระหว่างประเทศให้มากขึ้น พร้อมใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีความใกล้ชิดกับไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ให้มาช่วยเป็นตัวกลางแม้ กต.มีหลักการ มีโปรโตคอลต้องระมัด ระวัง แต่ต้องพยายามสื่อสารกับสำนักข่าวต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศให้มากขึ้น แค่นั้นยังไม่พอ อาทิ ควรใช้กลไกอาเซียนระงับข้อพิพาทระหว่างสมาชิกด้วยกันเช่น อาจถอดถอนกัมพูชาออกจากความเป็นสมาชิกอาเซียนชั่วคราว หรืออาจทำให้ลักษณะคว่ำบาตร ไม่คบค้าสมาคมด้วยฐานทำตัวเป็นแกะดำ ละเมิดกฎอาเซียนขณะเดียวกันต้องระมัดระวังความสัมพันธ์ตามแนวตะเข็บชายแดนระหว่างประชาชนกับประชาชน เราพูดเอามันส์ไม่ได้ ยังมีประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนเยอะ หลังเกิดเหตุเหยียบกับระเบิด กองทัพภาคที่ 2 สั่งปิดด่านหมด กระทบต่อการค้าชายแดนด้านการท่องเที่ยวแต่เมื่อต่อจิ๊กซอว์ทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าไทยเป็นสุภาพบุรุษพอสมควร ยิ่งเมื่อเกิดเหตุทำให้คนไทยบาดเจ็บล้มตาย รวมถึงมีเด็กอยู่ด้วย เชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยตอบโต้ในวันที่ 24 ก.ค. ถือว่าไม่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ไทยสูญเสียขนาดนั้น หากไม่ทำอะไรเลย เชื่อว่าคนไทยไม่ยอมเหมือนกัน“ทั้งหมดทั้งมวลอย่าเอาแต่ความสะใจ ต้องรบ ต้องฆ่า เอาให้ราบเรียบ ขอให้นึกถึงคนไทย เชื่อว่ามีญาติพี่น้องไปมาหาสู่กับชาวกัมพูชา โดยเฉพาะที่เกาะกงก็เป็นคนไทยในอดีตฉะนั้นความสัมพันธ์ของประชาชนระหว่าง 2 ประเทศ อย่าให้มันเป็นไปตามกระแสการเมือง นักการเมืองมาเดี๋ยวก็ไป ยกเว้นผู้นำกัมพูชาอยู่นานหน่อย”ใน กมธ.มีการตั้งข้อสังเกตถึงภาวะผู้นำรัฐบาลทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นมาอย่างไร นายชิบ บอกว่า แน่นอน มีการพูดคุยกันตลอด ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการถึงภาวะผู้นำกัมพูชาปฏิบัติการยั่วยุทุกรูปแบบ เพื่อลากไทยขึ้นสู่ศาลโลก นายชิบ บอกว่า มันมีวิธีการที่ทำให้คนเชื่อแบบนั้น กัมพูชาใช้วิธีนี้มักได้เปรียบไทยเสมอ อย่างน้อยคณะตุลาการเป็นยุโรปส่วนใหญ่ ฝรั่งเศสเป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชา กัมพูชาถึงค่อนข้างมั่นใจได้เปรียบไทยผลศึกษาของ กมธ.ต่างประเทศ นอกจากตามรากเหง้าทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีชนวนเกี่ยวกับปัญหาการเมืองภายในกัมพูชาทำให้เกิดเหตุข้อพิพาทที่รุนแรงขึ้น นายชิบบอกว่า มีหลายเหตุการณ์พาให้คิดอย่างนั้นได้ เช่น เผาสถานทูตไทยที่กัมพูชา ปี 2546 ช่วงใกล้เลือกตั้ง แต่เหตุการณ์ล่าสุดยังอยู่ห่างไกลการเลือกตั้ง ทั้งนี้กัมพูชามีค่านิยมบางอย่าง เมื่อความนิยมในตัวผู้นำลดน้อยถอยลง มักมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในเชิงการเมืองภายในประเทศอาจมีส่วนทำให้เกิดอะไรสักอย่างหนึ่ง พอถามถึงประเด็นตระกูลฮุนและตระกูลชินทะเลาะกัน จุดแตกหักเกิดจากอะไร ถ้าทะเลาะกัน 2 ตระกูลก็ว่ากันไป ทำไมต้องยิงกันถึงขนาดนี้ เบื้องหลังคืออะไรกันแน่ แต่เชื่อแน่ว่า 2 ตระกูลตัดขาดชัดเจนรัฐบาลถูกตั้งข้อสังเกตตกเป็นเบี้ยล่างของสถานการณ์แอ็กชันช้าไปหลายก้าว ท่ามกลางกระแสชาตินิยมสุดโต่ง อำนาจทหารเหนืออำนาจทางการเมือง นายชิบ บอกว่า ช่วงที่ไทยช้าเราเสียอะไรไปบ้าง มีคนล้มตายหรือไม่ถ้าเร็วมากกว่านั้นอาจมีคนเสียชีวิตไหม อย่างน้อยยืดเวลาความสูญเสียได้จุดหนึ่งก่อนตอบโต้อะไรก็ว่ากันไป“แต่ความขัดแย้งอันนี้เป็นแค่ฉากหน้า ที่ลึกจริงในความไว้วางใจระหว่างคน 2 ชาติมันต่ำลงทุกวัน คน 2 ชาติ มีการด่ากันผ่านโซเชียลมีเดียกันไปมาโดยอ้างถึงวัฒนธรรม ซอฟต์พาวเวอร์ เสื้อผ้า ชุดแต่งกาย วัตถุโบราณ การขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรม เหมือนกับว่าแข่งกันโดยตลอด เป็นความร้าวลึกในเชิงความรู้สึกที่มีมายาวนานสิ่งที่น่ากลัว เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บทบาทของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เหมือนคนไทยทะเลาะกันเองเยอะไปหน่อย กลายเป็นจุดอ่อน”ถึงเวลาคนไทยต้องสามัคคีหาทางออกร่วมกันรัฐบาลต้องร่วมกันหาทางออกในเชิงสร้างสรรค์.หาทางเปิดประตูสู่การเจรจาตามกรอบทวิภาคี.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม