ม็อบคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เลื่อนชุมนุมใหญ่เป็นวันที่ 2 ส.ค. ยกเหตุสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตึงเครียด ไล่ รมว.ต่างประเทศหากพึ่งพาไม่ได้ ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่ง “ภูมิธรรม” ถามหาความเหมาะสม ชายแดนเกิดสงคราม อย่าใช้ความ ต้องการทางการเมืองมาทำลายเอกภาพ “จิรายุ” ขอม็อบพักชุมนุม วอนหยุดสร้างศึกใน ซ้ำเติมบ้านเมืองบอบช้ำกว่าเดิม ให้เขมรหัวเราะเยาะ “ทักษิณ” ฉลองเบิร์ธเดย์ ครบ 76 ปี ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี วันที่ 26 ก.ค. เยี่ยมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบหลังจากที่คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ นัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลในวันที่ 27 ก.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ล่าสุดได้ขอเลื่อนการชุมนุม เป็นวันที่ 2 ส.ค. เนื่องจาก สถานการณ์การสู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดม็อบเลื่อนชุมนุมไล่รัฐบาลเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายจตุพร พรหมพันธุ์นาย นิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เข้าพบตำรวจ บก.น.1 เพื่อขอเลื่อนการชุมนุมขับไล่รัฐบาลจากวันที่ 27 ก.ค. เป็นวันที่ 2 ส.ค. นายจตุพรกล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์สู้รบเกิดขึ้นอย่างรุนแรง คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยเห็นควรเลื่อนการชุมนุมเป็นวันที่ 2 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อให้คนไทยรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และจะรวบรวมสิ่งของส่งให้ทหาร ประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ การชุมนุมดังกล่าวเป็นการรวมพลังแผ่นดินหลอมรวมคนไทยทั้งชาติ โดยเฉพาะสิ่งของบริจาคให้ทางกองทัพห่วงมีสงครามแต่ไร้ รมว.กลาโหมเมื่อถามว่าเหตุผลการปะทะกันจากสงคราม เกิดจาก 2 ตระกูลหรือไม่ นายจตุพรตอบว่า สังคมเห็น แล้วว่าข้อเท็จจริงเกิดจากอะไร ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำ รัฐบาลอยู่ในองค์กรตามกฎหมาย แต่เมื่อเกิดสงคราม เราทำหน้าที่คนไทย รวมหัวใจคนไทยทั้งชาติ ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เกิดเป็นคนไทยต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ช่วงเวลาที่เลื่อนชุมนุมออกไป จะหารือว่าจะทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง กำลังใจจากแนวหลังไปสู่แนวหน้าเป็นเรื่องสำคัญ แนวหน้าทำหน้าที่แนวหน้า แนวหลังทำหน้าที่แนวหลัง ขอให้ร่วมกันชุมนุม ส่วนการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศมีศักยภาพ ทั้งอดีตข้าราชการ รัฐมนตรี สามารถเชิญมาปรึกษาหารือได้ในภาวะสงคราม แต่ขณะนี้เรามีศึกสงคราม แต่ไร้ รมว.กลาโหม แต่ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในกองทัพ วันนี้เราตระหนักเห็นปัญหา จึงเลื่อนการชุมนุมออกไป เมื่อชุมนุมแล้วประชาชนมาเท่าไหร่ก็จะชุมนุมเท่านั้น ส่วนการแก้ปัญหาแนวชายแดนของรัฐบาล ไม่เชื่อใจมาตั้งแต่หัวแถวแล้ว แต่ไม่ต้องการขยี้ซ้ำหรือด้อยค่าความเป็นมนุษย์ เคยเห็น รมว.ต่างประเทศ แต่ไม่ได้สนิทกัน ต้องรู้ตัวว่าอยู่ในบริบทไหน พึ่งพาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งถามความเหมาะสมไล่รัฐบาลเวลา 11.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเลื่อนชุมนุมของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ไปเป็นวันที่ 2 ส.ค. เหมาะสมหรือไม่ว่า อยู่ที่ดุลพินิจของผู้มาชุมนุมว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายหรือไม่ เวลานี้ประเทศต้องการความสามัคคีของคนในชาติ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมีลักษณะบุกรุก รุกล้ำ สร้างความเสียหายแก่ชีวิตประชาชน เกิดภาวะรุนแรงขึ้น จะพัฒนาไปสู่ภาวะสงครามได้ เป็นการปะทะกัน โดยใช้อาวุธหนักรุนแรง เราได้พิทักษ์รักษาพื้นที่ไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามา รักษาอธิปไตยประเทศอย่างเข้มข้น ทางกองทัพเข้าใจเจตนาร่วมกัน ดังนั้นระหว่างนี้ประชาชนช่วยแสดงความเห็น และบอกหน่อยว่า อย่าเพิ่งใช้ความต้องการทางการเมืองมาทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพในประเทศ จะกลายเป็นปัญหาที่เราจะสู้กับภัยรุกรานจากภายนอก วันนี้ต้องรวมพลังช่วยกัน เพื่อสร้างกำลัง และแก้ปัญหาของประเทศเชื่อ ปชช.หนุนหยุดพักงานนายกฯนายภูมิธรรมกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตอยากให้ กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น เรารับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่ถูกกระทำที่ผ่านมาทุกฝ่ายเห็นว่าเราประนีประนอมมากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น จึงสั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ มีผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ เมื่อถามว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อยากให้ศาลรัฐธรรมนูญยุติการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นความรู้สึกและความเห็นนายก่อแก้ว คงเป็นความรู้สึกของประชาชนอยู่มากเหมือนกัน แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อถามว่าไม่เป็นการละเมิดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า “ผมไม่ใช่ศาลฯ”“จิรายุ” ขอม็อบพักชุมนุมก่อนนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี กล่าวถึงคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ว่าขอวิงวอน อย่าปล่อยให้ศึกในไปผสมศึกนอก จะทำให้เรื่องศึกใหญ่ไทย-เขมร จะจบยาก วันนี้ศึกนอกใหญ่หลวงนัก ไม่มีเหตุผลต้องมาสร้างศึกในให้เขมรหัวเราะเยาะเย้ยประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปีรัฐบาลกัมพูชามีเจตนาพิเศษชัดเจน พยายามปลุกกระแสการครอบครองพื้นที่ของไทยในปราสาทต่างๆ พยายามลากขึ้นศาลโลก มีเป้าหมายแทรกแซง บ่อนทำลายประเทศไทยทุกวิธีการ ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล กัมพูชาก็มีแผนการเช่นนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว วันนี้จึงไม่มีเหตุผลใดๆจะทำให้บ้านเมืองบอบช้ำไปกว่าเดิม ประเทศต้องการความสามัคคี พักศึกใน สู้ศึกนอก เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์เราเหนือกว่า อย่าเป็นเครื่องมือให้เขาใช้ความแตกแยกของคนไทยด้วยกัน เป็นอาวุธทำร้ายเรามากกว่านี้เลย“ทักษิณ” เยี่ยมอุบลฯ 26 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 08.00 น. นายทักษิณจะเดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบไทย-กัมพูชา พร้อมรับฟังปัญหาและให้กำลังใจประชาชนและเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นเวลา 09.00 น. นายทักษิณจะเดินทางไปยังจุดแรกโรงครัวศูนย์พักพิง หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองเดชอุดม อ.เดชอุดม ของ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมจัดทำข้าวกล่องกระจายไปศูนย์พักพิงประชาชน 4-5 จุด ใน จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ในวันที่ 26 ก.ค. ยังตรงกับวันคล้ายวันเกิดนายทักษิณครบ 76 ปีด้วยศาลไต่สวนแพทยสภา 3 ปากวันเดียวกัน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดไต่สวนคดีการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลฎีกา มีการบังคับโทษคดีถึงที่สุดกับนายทักษิณแล้วหรือไม่ โดยเป็นการนัดไต่สวนพยานนัดที่ 6 กลุ่มแพทยสภา 3 ปาก พยานทั้ง 3 ปากเบิกความถึงการรับตัวนายทักษิณมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ การตรวจรักษาอาการป่วยที่ได้รับรายงานจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า มีการรักษาเร่งด่วนตามอาการที่ได้รับตัวมาหรือไม่ พยานมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อาการนายทักษิณสามารถรับการรักษาตัวแบบไปกลับได้ ไม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งการตรวจอาการแน่นหน้าอกไม่พบความเกี่ยวข้องกับโรคที่แพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์กังวล และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจก็ไม่ได้รักษาอาการดังกล่าว สามารถกลับไปอยู่ที่เรือนจำได้ โดยศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนพยานบุคคลต่อไปวันที่ 30 ก.ค. เวลา 09.30 น. จะเป็นการไต่สวนนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีทนายสงสัยแพทยสภามีอคตินายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการไต่สวนว่า เป็นการไต่สวนตัวแทนแพทยสภา 3 คน ก่อนที่จะเข้าให้การในวันนี้ (25 ก.ค.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของแพทยสภา หากทางฝ่ายนั้นนำอคติทางการเมืองเข้ามาปนเปื้อน เชื่อว่าศักดิ์ศรีแพทยสภาอาจลดน้อยลง หรือไม่เหลือเลยก็ได้ วันนี้พยายามถามพยานทั้ง 3 ปาก มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมติลงโทษแพทย์โรงพยาบาลตำรวจหรือไม่ มีหนึ่งในพยานไม่ขอตอบคำถามตน เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ถือเป็นกระบวนการของแพทยสภา แพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจสามารถใช้สิทธิทางปกครองได้อยู่แล้วเผยหมอยอมรับ “ทักษิณ” โรครุมนายวิญญัติกล่าวว่า การให้การของแพทยสภายอมรับว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริงหลายโรค ทั้งโรคเรื้อรัง โรคที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน โรคเฉียบพลันก็ถูกส่งมายังโรงพยาบาลตำรวจในคืนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯส่งมาอยู่แล้ว ส่วนเรื่องมาตรฐานและการตรวจรักษาของแพทย์ก็ตรงกันว่าอาการเฉียบพลันหรือกำเริบของโรคดังกล่าวมีจริงหรือไม่ เป็นความจำเป็นที่ต้องนอนโรงพยาบาล ส่วนการนอนที่ชั้น 14 หรือมีห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องฉุกเฉินนั้น ก็มีความชัดเจน อาจารย์แพทย์คนหนึ่งให้ความเห็นว่าที่โรงพยาบาลอื่นๆ มีห้องวีไอพี และไม่ได้จัดเป็นห้องฉุกเฉินเช่นกัน สอดคล้องกับเรื่องนี้ มองว่าการให้ความเห็นของแพทย์ทั้ง 3 ราย ให้ความเห็นเกี่ยวกับโรคไม่ร้ายแรง แต่ไม่พูดถึงโรคร้ายแรง อยากให้ลองนึกดู ถ้าญาติใกล้ชิดป่วยจะทำอย่างไร จะให้ส่งตัวออกไปรักษาหรือไม่ ไม่ได้เรียกร้องต้องมาเห็นใจนายทักษิณ แต่พูดถึงกรณีทั่วไป ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรสอบ “วิษณุ” พยานปากสุดท้ายนายวิญญัติกล่าวว่า ส่วนการสอบปากคำพยานนัดสุดท้าย เป็นพยานฝ่ายจำเลย คงไม่ข้ามไปถึงเดือน ส.ค. จะสอบนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นพยานให้ประจักษ์ข้อเท็จจริง และรู้ถึงการกลับมาประเทศไทย การรับตัว และข้อเท็จจริงต่างๆเป็นการป่วยที่ต้องสืบค้นสาเหตุให้ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ที่สำคัญแพทยสภาไม่เคยตำหนิมาตรฐานดุลพินิจทางการแพทย์ว่าไม่ถูกต้อง แต่มีความเห็นเชิงตรงข้ามเกี่ยวกับการปฏิบัติของแพทย์แต่ละคนเท่านั้น การไต่สวนครั้งสุดท้ายเชื่อว่าการให้ข้อเท็จจริงของนายวิษณุจะเป็นประโยชน์ในความเห็นของการวินิจฉัยต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่