อิทธิพลพายุ “วิภา” ยังไม่สิ้นฤทธิ์ น้ำท่วมหลายพื้นที่ไม่คลายวิกฤติ รพ.น่านป่วนกลางดึกน้ำทะลักเข้าห้องฉุกเฉินเร่งขนย้ายผู้ป่วยโกลาหล วัดภูมินทร์ไม่รอดจมบาดาลแต่ภาพจิตรกรรมฝาผนัง “ปู่ม่านย่าม่าน-กระซิบรักบันลือโลก” ยังปลอดภัย ขณะที่ย่านเศรษฐกิจการค้าในตัวเมืองเสียหายหนัก ระดมกู้ภัยลงพื้นที่ช่วยอพยพชาวบ้าน พะเยาฝนเทต่อเนื่องกว๊านยังรับน้ำไหวเชื่อไม่เกิน 3 วันเข้าสู่ภาวะปกติ เชียงรายหนักที่ อ.เทิง ที่ว่าการอำเภอปิดให้บริการ ถนนภูชี้ฟ้า-ภูซางพังถล่ม เร่งขนย้ายหมูในฟาร์มกว่าพันตัวหนีน้ำทุลักทุเล แพร่ระทึกแม่น้ำยมซัดสะพานขาดเริ่มเอ่อท่วมพื้นที่ริมน้ำ ชาวบ้านเดือดย่องกรีดถุงบิ๊กแบ็กป้องตัวเมือง รมว.พาณิชย์สั่งคุมเข้มร้านค้าห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าจำเป็นเด็ดขาดถึงแม้ว่าพายุ “วิภา” จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่ยังมีอิทธิพลทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนจนเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากในหลายจังหวัด โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่วิกฤติหนักคือ น่าน พะเยา และเชียงรายรพ.น่านขนย้ายผู้ป่วยวุ่นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.น่าน สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลาย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ก.ค. รพ.น่าน ประกาศเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องฟอกไต ไปยังแผนกอื่นๆที่ปลอดภัยกว่า หลังน้ำไหลหลากเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางของโรงพยาบาล มีหน่วยงานภายนอกทั้งจิตอาสา ทหาร ปภ. และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เข้ามาช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงวางแนวกั้นน้ำเพิ่มเติมเพื่อสกัดไม่ให้ไหลเข้าสู่ห้องไอซียูและห้องผ่าตัด ขณะที่ถนนวรวิชัย หน้า รพ.น่าน น้ำท่วมสูงกว่า 30-50 ซม. รถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงตัวอาคารได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เปลหามเดินลุยน้ำระยะทางกว่า 100 เมตรเพื่อรับส่งผู้ป่วย“วัดภูมินทร์”จมบาดาลส่วนที่วัดภูมินทร์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน แหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานสำคัญของชาติ มวลน้ำเข้าท่วมรอบวัดเข้าไปสู่ลานพระอุโบสถและฐานเจดีย์บางส่วน แต่ยังไม่ถึงระดับของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายใน ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดที่เก็บรักษาภาพเขียนโบราณอันทรงคุณค่า โดยเฉพาะภาพวาด “ปู่ม่านย่าม่าน-กระซิบรักบันลือโลก” หนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน ยังไม่ถูกน้ำท่วมย่านเศรษฐกิจเสียหายหนักภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองน่านยังไม่คลายวิกฤติ โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจการค้าระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่บริเวณหน้าวัดสวนตาล ผ่านสามแยกปากทางเข้าสนามกีฬา อบจ.น่าน เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ถนนสาย 1091 น่าน-บ้านหลวง เส้นทางสายหลักเข้าสู่ตัวเมืองน่านมีน้ำท่วมสูง บางจุดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ระดับน้ำในแม่น้ำน่านจาก 2 สถานีหลักทั้งสถานีสะพานผาขวาง และสถานีเทศบาลเมืองน่านสูงกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าสู่พื้นที่ อ.ภูเพียง และเขตเทศบาลเมืองน่าน ส่วนพื้นที่ อ.ท่าวังผา อ.เชียงกลาง และ อ.ปัว มีแนวโน้มระดับน้ำลดลงเล็กน้อย ขณะที่ อ.เวียงสา กำลังเผชิญมวลน้ำก้อนใหญ่จากทางตอนเหนือ สะพานข้ามแม่น้ำน่านทุกแห่งยังไม่สามารถสัญจรได้ชั่วคราวทีมกู้ภัยระดมช่วยชาวบ้านขณะเดียวกัน บิณฑ์-เอกพัน บรรลือฤทธิ์ ดาราสายบุญสองคู่แฝด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและอาสาสมัคร นำเรือท้องแบนเข้าไปช่วยอพยพประชาชนในพื้นที่ อ.ท่าวังผา และ อ.เมืองน่าน ออกจากบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมสูงไปยังศูนย์พักพิงตามจุดที่กำหนด นอกจากนี้ยังลำเลียงถุงยังชีพ อาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม เข้าไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่สมัครใจอยู่เฝ้าบ้านในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ พมจ.น่าน นำเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยอพยพคนชราและผู้ป่วยติดเตียงออกจากในหมู่บ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงมาขึ้นรถพยาบาลบริเวณหน้าบริษัทแพร่ธำรงค์วิทย์ อ.เมืองน่าน ไปส่งศูนย์พักพิงชั่วคราวพะเยาปิดโรงเรียน 18 แห่งจ.พะเยา สภาพอากาศยังมีฝนตกต่อเนื่อง เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่หลายอำเภอ อาทิ อ.เมืองพะเยา อ.ดอกคำใต้ อ.จุน อ.ภูซาง อ.ปง อ.เชียงคำ อ.เชียงม่วน โรงเรียนประถมและมัธยมต้องปิดการเรียนการสอน 18 แห่ง ที่ อ.เชียงม่วน นายคเณศ คำนนท์ นายอำเภอเชียงม่วน นำเจ้าหน้าที่พร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยเข้าช่วยเหลือเคลื่อนย้ายชาวบ้านกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ออกจากพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ้านปงสนุก หมู่ 2 ต.เชียงม่วน ไปยังที่ปลอดภัยและศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะเดียวกันเกิดเหตุการณ์ชาวบ้านบ้านป่าแขม หมู่ 4 ต.บ้านมาง ถูกกระแสน้ำป่าซัดร่างจมหายไปในแม่น้ำยม ขณะไปหาจิ้งหรีดบริเวณริมแม่น้ำ หน่วยกู้ภัยลือชาพะเยา ระดมกำลังค้นหาแล้วแต่ยังไม่พบตัว ส่วนพื้นที่ อ.เมืองพะเยา น้ำตามแหล่งกักเก็บและลำน้ำสายต่างๆมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนร้านค้าสถานที่ราชการ ปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนอ่างเก็บน้ำต่างๆก็ไหลล้นสปิลเวย์และมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลำน้ำแม่ต๋ำเอ่อล้นเข้าท่วมถนนแม่ต๋ำสายใน และถนนพหลโยธิน บริเวณสี่แยกแม่ต๋ำ“กว๊านพะเยา” ยังเอาอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายรัฐพล นราดิศร ผวจ.พะเยา นำคณะเข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ มี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย เป็นประธานการประชุม นายรัฐพลรายงานว่า จ.พะเยา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ ยกเว้น อ.แม่ใจ 44 ตำบล 225 หมู่บ้าน ประชากรเดือดร้อนกว่า 1,700 ครัวเรือน มีแม่น้ำ 2 สายหลักคือลำน้ำอิง ที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ จ.เชียงราย และลำน้ำยม ที่จะไหลไป จ.แพร่ โดยลำน้ำอิงมีกว๊านพะเยาเป็นแหล่งน้ำใหญ่มีปริมาณน้ำ 36 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 65 ของความจุอ่าง ระบายน้ำออกวันละ 5 ล้าน ลบ.ม. แต่ปลายน้ำ อ.เทิง จ.เชียงราย ยังมีฝนตกในพื้นที่ ทำให้น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนริมตลิ่งที่แม่น้ำอิงไหลผ่านทั้ง อ.ดอกคำใต้ และ อ.ภูกามยาวประมาณกว่า 50 กม. คาดว่าอีก 2-3 วันจะลดลงหมดจนเข้าสู่ภาวะปกติน้ำโอบล้อม รพ.เชียงคำส่วน อ.เชียงคำ ยังมีน้ำท่วมขังบริเวณรอบ รพ.เชียงคำ ประมาณ 50 ซม. ต้องใช้รถทหารลำเลียงผู้ป่วย คาดว่าภายใน 1-2 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ อ.ภูซาง ยังมีน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง เช่นเดียวกับลุ่มน้ำยมก็เกิดฝนตกหนักและท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง เตรียมความพร้อมอพยพและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมตั้งโรงครัวพระราชทานในพื้นที่ คาดว่าภายใน 2-3 วันเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติที่ว่าการอำเภอเทิงงดบริการจ.เชียงราย ยังวิกฤติหนักที่ อ.เทิง ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำลาว เอ่อท่วมชุมชนบ้านห้วยระเมศ บ้านใหม่ บ้านเวียงใต้ บ้านร่องขามป้อม บ้านทุ่งขันไชย และบ้านเวียง ต.เวียง ส่วนแม่น้ำอิงก็เพิ่มระดับสูงล้นตลิ่งเข้าท่วมเพิ่มเติมในชุมชนบ้านพระเกิด และบ้านตั้งข้าว บางส่วน ผู้นำชุมชนต้องประกาศให้ชาวบ้านเก็บของขึ้นที่สูงและอพยพผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่บริเวณตัวอำเภอเทิง น้ำท่วมสูงขึ้นจากเดิม เอ่อท่วมที่ว่าการอำเภอเทิงจนต้องงดให้บริการชั่วคราว ถนนฝั่งขาเข้าเมืองตั้งแต่ชุมชนบ้านใหม่ถึงสี่แยกมีน้ำท่วมสูงระยะทางประมาณ 1 กม. ส่วนถนนหมายเลข 1093 ช่วงภูชี้ฟ้า-ภูซาง พื้นที่เชื่อมระหว่างบ้านร่มโพธิ์ไทยกับบ้านพิทักษ์ไทย ต.ตับเต่า เกิดดินสไลด์ทรุดตัวพังถล่มระยะทางประมาณ 40 เมตร ต้องปิดเส้นทางห้ามรถทุกชนิดผ่านขนย้ายหมูหนีนํ้าทุลักทุเลนายสมยศ จันทร์ภูงา กำนันตำบลเวียง อ.เทิง นำกำลังเจ้าหน้าที่ ปภ. พร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยในพื้นที่ ลงเรือท้องแบนไปช่วยขนย้ายหมูกว่า 1,000 ตัวในฟาร์มเลี้ยงหมู บ้านห้วยไคร้เก่า หมู่ 6 ต.เวียง หลังเกิดน้ำท่วมสูง เจ้าของฟาร์มหวั่นเกรงหมูจมน้ำตาย ฟาร์มดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนสายรองห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 1 กม. ระดับน้ำบางจุดสูง 1-2 ม. ต้องใช้เรือท้องแบนเข้าไปขนย้ายหมูออกมาขึ้นรถบรรทุกที่จอดรอบนถนน เป็นไปด้วยความยากลำบากต้องเอาหมูใส่กรงขึ้นเรือได้รอบละไม่กี่ตัว คาดว่ากว่าจะขนหมูทั้งหมดออกมาจากฟาร์มอาจจะต้องใช้เวลานานไปถึงรุ่งเช้าอีกวัน ระหว่างขนย้ายมีหมูจมน้ำตายไปแล้ว 6 ตัว ขณะที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะมีหมูตายเพิ่มขึ้นอีกแม่นํ้ายมซัดสะพานขาดจ.แพร่ ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและไหลเชี่ยวแรงจนทำให้สะพานขาดที่ ต.ทุ่งแค้ว อ.หนองม่วงไข่ เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กที่เชื่อมต่อไป ต.ทุ่งน้าว อ.สอง พังถล่มกลางสะพาน 1 ช่วง ต้องปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนที่ อ.สอง น้ำท่วมถนนงาวสายเก่าต้องปิดการจราจรเช่นกัน ขณะที่บ้านวังหงส์ อ.เมืองแพร่ ระดับน้ำที่สะพานสีรุ้งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำไหลแรงพัดพาเอาเศษไม้ กิ่งไม้ และขยะจำนวนมากมาติดค้างที่สะพาน ทำให้กีดขวางทางระบายน้ำ ชาวบ้านต่างหวั่นเกรงว่า จะทำให้สะพานขาดเหมือนกับที่ ต.ทุ่งแค้วมือมืดย่องกรีดถุงบิ๊กแบ็กนายสุริยา อินต๊ะนอน นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนร้ายทำลายถุงบิ๊กแบ็กที่เทศบาลเมืองแพร่นำไปปิดตามจุดเสี่ยงป้องกันน้ำท่วม ริมถนนบ้านใหม่ ต.ในเวียง เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 23 ก.ค. พบว่าถุงบิ๊กแบ็ก 6 ใบ มีรอยมีดกรีดเป็นกากบาท ทำให้ทรายในถุงทะลักออกมากองอยู่ด้านนอก มีชาวบ้านเห็นผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยรุ่น 2 คน ขี่รถ จยย.เอามีดมากรีดถุงบิ๊กแบ็กแล้วหลบหนีไป คาดว่าเป็นฝีมือชาวบ้านที่จะได้รับความเดือดร้อน และไม่พอใจที่เทศบาลปิดกั้นไม่ให้น้ำเข้าในตัวเมือง แต่ปล่อยให้ชุมชนรอบข้างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนํ้าเอ่อ “ตลาดริมเมย” จมมิดจ.ตาก ผลกระทบจากฝนที่ตกหนักทำให้ปริมาณน้ำตามลำห้วยป่าเขาจาก อ.พบพระ และ อ.แม่สอด รวมถึงจากพื้นที่ทางใต้จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ฝั่งประเทศเมียนมา ไหลลงแม่น้ำเมยมีระดับสูงขึ้นจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง โดยเฉพาะบริเวณตลาดริมเมย บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ตลาดท่องเที่ยวชื่อดังมีน้ำท่วมสูงกว่า 1-2 เมตร โชคดีที่พ่อค้าแม่ค้าเก็บข้าวของหนีน้ำไปก่อนแล้ว ขณะที่ชาวบ้านบริเวณริมเมยที่ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน ต่างทยอยขนสัตว์เลี้ยงและอพยพออกมาด้านนอกเพื่อความปลอดภัย เชื่อว่าหากฝนไม่ตกลงมาซ้ำอีก น้ำจะลดลงตามลำดับพายุซัดต้นไม้โค่นขวางถนนจ.กาญจนบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักลมกระโชกแรงในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ ทำให้ต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มทับสายไฟ และกีดขวางการจราจร ส่งผลให้หม้อแปลงระเบิด ไฟดับเป็นวงกว้างตั้งแต่ถนน 323 บ้านปรังกาสี หมู่ 3 ต.ท่าขนุน ตัวตลาดทองผาภูมิ ไปถึงเขื่อนวชิราลงกรณ หลังเกิดเหตุนายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าขนุน พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า กรมทางหลวง พร้อมหน่วยกู้ภัยฐานบุญวิภา กู้ภัยกาญจนบุรี ระดมกำลังลงพื้นที่นำเครื่องมือช่วยกันตัดต้นไม้กว่า 10 ต้น ที่โค่นล้มขวางถนนเพื่อเร่งเคลียร์เส้นทางให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ พร้อมซ่อมแซมไฟฟ้ากลับมาได้ตามปกติ“ภูมิธรรม” สั่งเร่งคลายทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะ จ.น่าน ว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ได้ประชุมวอร์รูมแก้ปัญหากับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และตั้งหน่วยงานให้ทำงานเรื่องนี้ 24 ชม. ทั้งในส่วนกลาง และอีก 30 จังหวัด รวมถึงการดูแลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในพื้นที่ประสบภัย พยายามแก้ไขโดยนำเครื่องมืออุปกรณ์ป้องกันลงไปในพื้นที่ประสบภัยหมดแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะทุกข์ของพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญกับภัยธรรมชาติถือเป็นความทุกข์ของเรา จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุดสำรวจโบราณสถานเสียหายนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและ รมว.วัฒนธรรม สั่งการให้ วธ.และหน่วยงานในสังกัด เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ และรายงานผลกระทบที่เกิดจากพายุวิภา ให้ทราบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบหนัก สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคลากร อาคารสถานที่ และทรัพย์สินของทางราชการ โบราณสถาน ศาสนสถาน แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม รวมถึงเครือข่ายทางศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ให้สำรวจข้อมูล ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมรายงานผลผ่านออนไลน์วันละ 2 ครั้งทุกวัน นอกจากนี้ยังจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินและสาธารณภัย กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อรวบรวมข้อมูล ประเมินสถานการณ์ และเร่งให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัยคุมเข้มห้ามขึ้นราคาสินค้าร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการกำกับดูแลราคาสินค้าและปริมาณสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น น้ำดื่ม อาหารแห้ง และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ต้องไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน และห้ามจำหน่ายสินค้าเกินราคาเด็ดขาด นอกจากนี้เน้นย้ำให้ร้านค้าในพื้นที่ต้องแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และไม่ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงวิกฤติ หากพบการกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที“วิภา” ลาออกไปทางพม่ากรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเรื่อง พายุ “วิภา” ฉบับที่ 17 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้าย ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “วิภา” ปกคลุมบริเวณตอนบนของภาคเหนือคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอีก มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน ออกไปทางประเทศเมียนมาช่วงวันที่ 25-26 ก.ค.นี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่