เล่าทั้งน้ำตากับเส้นทางชีวิตและการต่อสู้ของศิลปินหนุ่ม “ออฟโรด–กันตภณ จินดาทวีผล” ที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เจ้าตัวเผยเรื่องราวผ่าน “วันบันเทิง” จากวันที่ไม่มีแม้เงินซื้อไก่ทอดสู่การเป็นเสาหลักครอบครัว ออฟโรด เล่าถึงการตัดสินใจเข้าสู่วงการบันเทิงว่า “ที่บ้านผมค่อนข้างลำบากนิดนึง ไม่ค่อยมีฐานะทางการเงิน เราสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา ผมเชื่อว่าโอกาสเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ในเมื่อโอกาสมันมาแล้ว ผมสู้ทุกอย่าง ยอมหลุดจากเซฟโซน หลุดจากสิ่งที่เราไม่เคยทำ เพื่อโอกาสที่ทำให้ชีวิตและครอบครัวผมสบายขึ้น ตอนนั้นผมกลัวมากแต่ว่ามันคือโอกาส เราลองสู้ดู เรายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล เลยต้องทำสิ่งนี้ ทุกวันนี้ก็ทำงานได้เงินมา เราก็เอาเงินไปเรียน เราซัพพอร์ตตัวเองได้ ทุกวันนี้ผมเรียนเยอะมาก เรียนร้อง เรียนเต้น เรียนการแสดง ถ้าลงได้อยากเรียนภาษาเพิ่มด้วย แต่ตอนนี้คิวแน่นจริงๆ ในเมื่อตอนนี้เรามีโอกาสแล้ว มีกำลังทรัพย์มากพอแล้วเราดูแลตัวเองได้ ผมไม่เคยกลับไปคิดน้อยใจว่าทำไมเราไม่มีสิ่งนี้ เรามีแรง เรามีสมอง เรามีความคิด ทำไมเราจะไม่ทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ ผมเชื่อคำนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆ” จากนั้น ออฟโรด ได้เผยถึงความภูมิใจที่ได้เป็นเสาหลักในการดูแลครอบครัวว่า “ผมภูมิใจมากๆในวันที่เราไม่มีเงินเลย แต่เราอยากเลี้ยงพิซซ่า อยากพาครอบครัวไปกินอาหารดีๆ วันนั้นเรามีความสุขแล้ว ในวันนี้เราซัพพอร์ตเค้าได้มากขึ้น ซื้อเครื่องซักผ้าให้คุณแม่ คุณแม่นั่งซักมือจนมือเหี่ยวมือแห้ง เตาแก๊สที่ใช้มาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่ผมเกิดมาจนมันผุหมดแล้ว แอร์ก็ไม่มี นอนพัดลมร้อนผมจำได้ ความรู้สึก ร้อนจังเลย ผ้าห่มไม่มี ผมต้องไปเอาน้ำมาตบๆ แล้วเอาแป้งเย็นมาทาที่ตัว เพื่อที่จะทำให้ตัวเองนอนหลับ ทีวีคนอื่นเค้ามีจอ LED กันหมดแล้วแต่ของผมเป็นแบบตู้ปลา ตบๆให้มันติด โทรศัพท์ก็เหมือนกัน อีกใช้แบบกดมานานแล้ว ในวันนี้เราสามารถซื้อสมาร์ทโฟนดีๆให้เค้าได้ ได้ทำในสิ่งที่แบบซื้อเครื่องซักผ้า ซื้อแอร์ ซื้อทีวี ไม่ต้องให้เงินเค้าเป็นแสนเป็นล้าน แต่ผมว่าสิ่งนี้มันคือการที่เราเห็นแล้วเราได้ทำมัน ได้ซัพพอร์ตในวันที่เรามี เราพร้อมแล้วและผมอยากทำบ้านที่เป็นบ้านจริงๆ บ้านที่มันเสร็จจริงๆนี่คือสิ่งที่ผมอยากทำ และมันเติมเต็มที่สุด ผมเคยเกือบหลงทางครับ ไม่เรียน บ้านผมอยู่หาดใหญ่ ดังมากคือไก่ทอดหาดใหญ่ ผมอยากกินไก่ทอดมาก ดมกลิ่น แล้วกลับไปกินไข่ เรากินได้แค่นี้ เรามีเงินแค่นี้ ดูเงินในกระเป๋าเรายังมีไม่ถึง 10 บาท ปีกไก่ชิ้นหนึ่งก็ 15-20 บาทแล้ว กินไม่ได้ ไปยืนอยู่หน้าร้านไก่แล้วก็ดมกลิ่น ดูคนซื้อแล้วจำความรู้สึกกลับไปกินข้าวที่บ้าน มันเลยเปลี่ยนมายด์เซตผมใหม่ แล้วเราต้องทำตัวเองให้มีตังค์ซื้อไก่ให้ได้ ตั้งใจเรียน ทำตัวเองให้ดีขึ้น พาตัวเองไปหาโอกาส โอกาสเป็นสิ่งที่ให้ผมมาตลอด” ท้ายสุด ออฟโรด เปิดถึงคำนิยามที่อยากให้คนนึกถึงเมื่อพูดชื่อตัวเองว่า “ผมอยากนิยามตัวเองว่าเป็น ‘พลังงานบวก’ ผมอยากเป็นพลังบวกให้กับทุกคนให้ได้ ขนาดตัวเรายังไม่ชอบพลังลบจากคนอื่นเลย เพราะฉะนั้นแล้วเราจะพยายามทำตัวเองให้เป็นพลังบวก ผิดก็ขอโทษ สมมติทะเลาะกันหรือว่าแบบทำให้เขาเสียความรู้สึก ขอโทษ มองในมุมเขาให้เยอะขึ้น แค่นั้นเลยครับ เป็นพลังบวกให้กันและกัน กับทุกคนครับ พอเรามีพลังบวก ชีวิตเรามันจะขับเคลื่อนได้ง่ายขึ้น แล้วจะมีความสุขขึ้น มนุษย์ต้องการความสุขเพื่อทำให้ชีวิตมันเดินต่อไป ถ้าเรามีแต่ความทุกข์ เราก็รับได้ แต่แค่ถ้ารับมาเยอะๆมันก็ไม่ดี เลยรู้สึกว่ามันบั่นทอน เลยอยากจะเป็นพลังบวกให้กับใครหลายๆคน” รับชมบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆได้ทาง Facebook และ Youtube : วันบันเทิงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่