1 พ.ค.68 รองโฆษกรัฐบาลแถลงรายงาน “ดัชนีความสุขโลกประจำปี 2025” ของ อิปซอสส์ (IPSOS) บริษัทวิจัยตลาดระดับโลกที่ระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับ 7 ของประเทศที่ประชากรมีความสุขมากที่สุด จากการสำรวจประชากรอายุต่ำกว่า 75 ปี กว่า 23,000 ตัวอย่าง ใน 30 ประเทศ ระหว่าง 20 ธ.ค.2024–3 ม.ค.2025 ผลสำรวจประเทศไทยพบว่า ประชากรร้อยละ 18 ระบุว่า มีความสุขมาก ร้อยละ 61 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข ร้อยละ 19 ระบุว่า ไม่มีความสุข ร้อยละ 2 ระบุว่า ไม่มีความสุขเลย เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มประเทศเอเชียที่สำรวจ 7 ประเทศ พบว่า ประเทศไทยอยู่อันดับ 3 ของประเทศที่ประชากรมีความสุขมากที่สุด รองจาก อินเดีย (อันดับ 1) อินโดนีเซีย (อันดับ 2) อันดับ 3 เท่ากัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อันดับ 4 เกาหลีใต้ อันดับ 5ผลสำรวจด้านกลุ่มอายุพบว่า ผู้มีอายุระดับ 70 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีระดับความสุขมากที่สุด ผลวิจัย พบว่า กลุ่มเจน Z เพศชายมีระดับความสุขสูงกว่าเพศหญิง ในช่วงวัยเดียวกันผลสำรวจที่ออกมาเชิงบวกนี้ รองโฆษกรัฐบาลคุยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกมิติ พร้อมเดินหน้ายกระดับด้านสาธารณสุข การสร้างความมั่นคงทางรายได้ และส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อให้คนไทยมีความสุขในการดำรงชีวิต รวมถึงผลักดันนโยบายเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มประชากรวัยทำงานและผู้สูงอายุข่าวคนไทยมีความสุขอันดับ 7 ของโลก ผ่านไปเพียง 2 เดือนเศษ 17 ก.ค.68 สสส. ร่วมกับ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล แถลง “รายงานสุขภาพคนไทยปี 2568” กลับพบความจริงอันเจ็บปวดที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงรศ.ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ หัวหน้าโครงการจัดทำรายงานสุขภาพคนไทยปี 2568 ระบุว่า ข้อมูลด้านสุขภาพจิต พบว่า คนไทย 13.4 ล้านคน เคยประสบปัญหาสุขภาพจิต หรือโรคจิตเวช (จาก 65 ล้านคน เท่ากับ 20.5% หรือ 1 ใน 5) ขณะเดียวกัน อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในกลุ่มเยาวชนอายุ 15–29 ปี (ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ) ที่ต้องเผชิญกับภาวะเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า และมีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูง มีสาเหตุมาจากการเรียน สื่อสังคมออนไลน์ (Fear of Missing Out : FOMO) ความรุนแรงในครอบครัว และความคาดหวังจากสังคมผลสำรวจในมิติสุขภาพจิตเชิงบวกพบว่า กลุ่มวัยก่อนอายุ 45–59 ปี มีระดับความสุขต่ำที่สุด สะท้อนถึงความเปราะบางทางอารมณ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ผลสำรวจในด้านความรู้ พบว่า คนไทย 1 ใน 3 มีความรอบรู้สุขภาพจิตในระดับสูง แต่ยังมีอคติและความเข้าใจผิด เช่น การมองว่าการฆ่าตัวตายเป็นความอ่อนแอผลสำรวจของ สสส. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐตรงข้ามกับผลสำรวจของ IPSOS โดยสิ้นเชิง ถามว่านายกรัฐมนตรีไทยรู้เรื่องนี้ไหม ผมไม่แน่ใจ ผมไม่เคยได้ยินนายกฯหรือรัฐมนตรีสาธารณสุขพูดถึงปัญหานี้เลย ชอบแต่ข้อมูลเชิงบวก คนไทยมีความสุขมากที่สุดในอันดับ 7 ของโลก อันดับ 3 ในเอเชีย ทั้งที่มันเหลือเชื่อ ในเวทีปาฐกถาพิเศษในงาน “Unlocking Thailand’s Future–ปลอดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤติโลก” ที่จัดขึ้นให้ คุณทักษิณ ชินวัตร สทร.รัฐบาลแสดงวิสัยทัศน์ก็ไม่ได้พูดถึงปัญหานี้เลยสิ่งที่ คุณทักษิณ แสดงในวิสัยทัศน์ที่พรรคเพื่อไทยนำมาโพสต์คือ จัดตั้ง AMC ซื้อหนี้ประชาชน, นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย, ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน, เปิด Sandbox คริปโต ดึงเงินใหม่เข้าประเทศ, เปิด Golden Visa สร้างรายได้ระยะยาว, ผลักดันการท่องเที่ยว–เทศกาลทุกรูปแบบ คอนเสิร์ต Tomorrowland การแข่งรถ F1 ฯลฯ เหมือนรัฐบาลกับคนไทยอยู่กันคนละโลกวันนี้ “คนไทยถูกปัจจัยลบล้อมกรอบไว้หมดแล้ว” ถ้ารัฐบาลไม่ปลดล็อกตรงนี้ ชีวิตคนไทยส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสดีขึ้น จะมีคนรวยที่มีความสุขมากที่สุด 18% บนความทุกข์ของคนไทยอีก 82% ที่กอบโกยความมั่นคงและคอร์รัปชันประเทศชาติกันอย่างมีความสุข.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม