ถือเป็นมรดกความงดงามที่ไม่มีวันลบเลือน ตลอดเวลากว่า 167 ปีที่ผ่านมา การเดินทางของ “บูเชอรง” (Boucheron) ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของอัญมณีและความหรูหรา หากแต่คือการสานต่อจิตวิญญาณของความงามที่ไร้กาลเวลา จากราชสำนักอังกฤษสู่พรมแดงระดับโลก...จากเทียร่าของพระราชินีสู่เครื่องประดับเพชรที่เสริมลุคของเหล่าแฟชั่นไอคอนแห่งยุค เครื่องประดับจาก “Boucheron” ได้กลายเป็นภาษาแห่งการแสดงออกของบุคคลผู้ทรงอิทธิพล ผู้กล้านิยามความงดงามในแบบฉบับของตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ในพระราชพิธี หรือบนพรมแดงที่รายล้อมด้วยแสงแฟลช “Boucheron” ยังคงยืนหยัดในฐานะเมซงจิวเวลรีชั้นสูงจากฝรั่งเศส ที่ไม่เพียงสรรค์สร้างเครื่องประดับ แต่ยังสืบทอดและจุดประกายความทรงจำ, ความภาคภูมิใจ และสร้างแรงบันดาลใจมาอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำว่าความหรูหราที่แท้จริงไม่ได้ขึ้นกับยุคสมัย แต่อยู่ที่ความมั่นใจ, สไตล์ และจิตวิญญาณอิสระของผู้สวมใส่ ย้อนตำนานสู่จุดเริ่มต้นของ “Boucheron” เมซงจิวเวลรีชั้นสูงจากประเทศฝรั่งเศส ก่อตั้งขึ้นในปี 1858 โดย “มร.เฟรเดอริก บูเชอรง” (Fré dé ric Boucheron) ผู้มีวิสัยทัศน์และจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกอย่างแท้จริง เขาเริ่มต้นเส้นทางในวงการเครื่องประดับตั้งแต่อายุ 14 ปี โดยตัดสินใจละทิ้งธุรกิจครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งทอ เพื่อฝึกงานกับช่างอัญมณีชื่อดังในกรุงปารีส ก่อนจะเปิดบูติกของตนเองที่ “Palais Royal” ซึ่งเป็นบริเวณของวังและกลุ่มคนชั้นสูง ด้วยแนวคิดที่แตกต่างและทันสมัย เน้นการสร้างสรรค์เครื่องประดับที่งดงามและสามารถสวมใส่ได้จริง ถือเป็นการพลิกโฉมโลกของเครื่องประดับชั้นสูงในยุคนั้น หลังจากสร้างชื่อจนติดลมบน เขาได้ย้ายร้านมาตั้งอยู่ที่ 26 Place Vendôme แทนที่ตั้งเก่าบนถนน Rue de la Paix และเริ่มสร้างตำนานบทใหม่มาจนถึงปัจจุบัน พื้นเพของ “มร.เฟรเดอริก บูเชอรง” เป็นนักประดิษฐ์ที่ไม่เคยหยุดค้นหาแรงบันดาลใจจากสิ่งรอบตัว ตั้งแต่ผืนผ้า, ริบบิ้น, ธรรมชาติ ไปจนถึงความงามของสุภาพสตรีในยุคสมัยต่างๆ เขาฟื้นฟูเทคนิคดั้งเดิมและวัสดุที่ถูกลืม อาทิ การแกะสลักคริสตัล, เทคนิคลงยา และการแกะสลักเพชร พร้อมสร้างสรรค์ผลงานที่ผสมผสานทองคำ, ไม้, เปลือกหอยมุก และอัญมณีล้ำค่าได้อย่างลงตัว ผลงานชิ้นสำคัญที่สร้างชื่อให้ “Boucheron” คือ “สร้อยคอรูปทรงเครื่องหมายคำถาม” ออกแบบในปี 1879 เป็นสร้อยคอชั้นสูงชิ้นแรกที่ไม่ต้องใช้ตัวล็อก ทำให้สุภาพสตรีสามารถสวมใส่ได้ด้วยตนเอง สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการเครื่องประดับชั้นสูง ความโดดเด่นและนวัตกรรมที่รังสรรค์ ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลกรังด์ปรีซ์ ในงาน “Paris Universal Exhibition” ปี 1889 นอกจากนี้เขายังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมจิวเวลรีระดับโลก กว่า 167 ปี “Boucheron” ได้กลายเป็นมากกว่าแบรนด์เครื่องประดับ หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีจิตวิญญาณอิสระแสดงตัวตนผ่านแฟชั่น ด้วยเอกลักษณ์ในการผสมผสานศิลปะงานฝีมือเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย เครื่องประดับของ “Boucheron” ได้รับความนิยมจากบุคคลสำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น พระราชวงศ์อังกฤษ อาทิ สมเด็จพระราชินีแมรีแห่งสหราชอาณาจักร, สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี, สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง, เจ้าหญิงไดอานา ตลอดจนพระราชวงศ์ยุโรปและตะวันออกกลาง เช่น เจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน, เจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก, สมเด็จพระราชินีนูร์แห่งจอร์แดน และสมเด็จพระจักรพรรดินีฟาราห์ ปาห์ลาวีแห่งอิหร่าน ไปจนถึงเหล่าดาราฮอลลีวูดและไอดอลพรมแดงในยุคปัจจุบัน “Boucheron” ยังรังสรรค์เทียร่าและเครื่องเพชรให้เป็นมรดกแห่งราชสำนัก “สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี” ทรงสวมใส่ “เทียร่าเกรวิลล์” (Greville Tiara) ในปี 1986 ท่ามกลางเรื่องเล่าแห่งเกียรติยศและความสง่างามของราชวงศ์อังกฤษ มีเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นที่บรรจุเรื่องราวเปี่ยมคุณค่าทางประวัติศาสตร์ได้เทียบเท่าเทียร่าและสร้อยเพชรเฟสตูนจาก “Boucheron” ซึ่งเคยประดับพระเศียรและพระศอของ “ควีนมัม” เรื่องราวเริ่มต้นจาก “คุณหญิงมาร์กาเร็ต เกรวิลล์” นักสะสมเครื่องประดับเลื่องชื่อแห่งยุค ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบชิดกับราชวงศ์อังกฤษ เมื่อเธอถึงแก่กรรมในปี 1942 ได้มอบคอลเลกชันเครื่องเพชรและอัญมณีล้ำค่าแด่ “ควีนมัม” หนึ่งในนั้นรวมถึง “เทียร่าเกรวิลล์” ซึ่ง “Boucheron” รังสรรค์ขึ้นในปี 1921 ตามคำสั่งของ “คุณหญิงมาร์กาเร็ต” โดยนำเพชรจากเครื่องประดับส่วนตัวมาครีเอตเป็นเทียร่าทรงเรขาคณิตคล้ายรวงผึ้งระยิบระยับ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความงามอันเป็นนิรันดร์ตราบถึงปัจจุบัน“สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี” ทรงเริ่มสวมเทียร่านี้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และต่อมาได้ทรงปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางประการ เช่น เพิ่มเพชรบริเวณยอดเทียร่า เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์ “เทียร่าเกรวิลล์” ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของบทบาทในฐานะราชินีผู้เปี่ยมด้วยความมั่นคง ตลอดพระชนม์ชีพทรงสวมใส่เทียร่านี้ในงานสำคัญนับไม่ถ้วน ก่อนที่เทียร่าจะตกทอดสู่ “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง” ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระราชชนนีในปี 2002 จนถึงปัจจุบัน “เทียร่าเกรวิลล์” ยังคงเปล่งประกายในฐานะสัญลักษณ์แห่งความงดงาม, ความสง่างาม และการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ในโลกแฟชั่นยุคปัจจุบัน “Boucheron” เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามที่ไม่จำกัดอยู่เพียงยุคสมัยหรือพิธีการ หากแต่เป็นพลังแห่งตัวตน ที่ส่งต่อจากอดีตสู่ปัจจุบัน บนพรมแดง “Met Gala 2025” เมซงชั้นสูง “Boucheron” สะกดทุกสายตาในฐานะเครื่องประดับที่สะท้อนความสง่างามเหนือกาลเวลา พร้อมการปรากฏตัวของ “โคลแมน โดมิงโก” และ “คิม คาร์เดเชียน” ที่เลือกสวมแหวน “Vendôme Liseré” ประดับเพชรทรงหยดน้ำขนาด 4.18 กะรัต จาก “Boucheron” เช่นเดียวกับพรมแดงเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2025 “Boucheron” สร้างโมเมนต์น่าจดจำผ่านสองแบรนด์แอมบาสเดอร์ดาวรุ่งเอเชีย “ฮันโซฮี” และ “มินะ” ขณะที่ “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ “Boucheron” ในฐานะผู้สร้างสรรค์เครื่องประดับที่ผสานความงดงามประณีตเข้ากับนวัตกรรมและความร่วมสมัย ด้วยการสวมเครื่องประดับหลากหลายคอลเลกชันจาก “Boucheron” ตลอด 5 วันในการเดินพรมแดงเมืองคานส์ ล่าสุด “Boucheron” เพิ่งเปิดตัวบูติกแห่งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน บนพื้นที่ 163 ตารางเมตร ได้แรงบันดาลใจการตกแต่งจากสถาปัตยกรรมทันสมัยและวัดวาอาราม สะท้อนสุนทรียศาสตร์อันเป็นเลิศในทุกมิติของ “Boucheron” ถือเป็นก้าวสำคัญในการสยายปีกเปิดแนวรุกใหม่สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่