สัมภาษณ์ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ผู้นำทางความคิดของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทย จากโลกธุรกิจยานยนต์ มาเลือกก่อตั้ง “พรรคอนาคตใหม่” สานฝันการเมืองแห่งความหวัง ปักธงความคิดให้กับสังคมไทยกับเส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยอุปสรรค และความท้าทายเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคของคนรุ่นใหม่มาแล้ว 2 ครั้ง ธนาธรบอกว่า เวลาผ่านไปเร็วมาก ลาออกจากบริษัทมาทำงานการเมืองเมื่อต้นปี 2561 เจ็ดปีกว่าขึ้นปีที่แปดแล้ว จากอนาคตใหม่ สู่พรรคก้าวไกล สู่พรรคประชาชน ในฐานะผู้เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ การเห็นผู้คนเติบโตคือสิ่งที่ภูมิใจมากที่สุด เราเห็นการเติบโตของพรรค และแกนนำพรรคที่มีศักยภาพมาก ไม่ว่าจะเป็น คุณเท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะเป็น คุณไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล ไม่ว่าจะเป็น คุณรังสิมันต์โรม ไม่ว่าจะเป็น คุณพริษฐ์ วัชรสินธุบุคคลเหล่านี้คือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ต้องบอกว่าวันนี้พรรคประชาชน ไปไกลกว่าอนาคตใหม่มาก อนาคตใหม่วันที่โดนยุบ มีสมาชิกพรรคประมาณหกหมื่นคน ก้าวไกลวันที่โดนยุบ มีสมาชิกเก้าหมื่นคน พรรคประชาชนวันนี้ สมาชิกขึ้นไปถึงแสนกว่าคนแล้ว ถือเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเยอะที่สุดในประเทศไทยแม้ยังไม่ได้ครองเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แต่ ธนาธร ยังมีความตื่นเต้นว่าถ้าวันนั้นมาถึง คิดว่าพวกเราพร้อมมาก ที่จะรับผิดชอบอนาคตของลูกหลานของคนไทย มากกว่าในวันที่เป็นอนาคตใหม่ หรือเป็นก้าวไกลเสียอีก พรรคประชาชนยังคงกลิ่นอายเดิม รสชาติเดิม แต่ “ลุ่มลึกมากขึ้น” “รอบด้านมากขึ้น”เรื่อง What กับ Why ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้ เราคุยกันจบในพรรคแล้ว จากนี้ไปสู่การเลือกตั้ง ทำเรื่อง How กับ Who นี่คือประเทศไทยวันนี้ นี่คือประเทศไทยที่เราปรารถนาอยากจะสร้าง ช่องว่างตรงนี้คือ How แล้วก็ Who ใครจะเป็นคนทำ ทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่พวกเราจะนำเสนอต่อสังคมวันนี้แกนนำพรรคทุกคนตระหนักดี ถ้าเกิดเลือกตั้งครั้งหน้าชนะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลได้ เราต้องแบกรับภาระอนาคตของประเทศ แบกรับอนาคตของลูกหลานของคนไทยทั้งหมด พร้อมย้ำจุดยืนว่าตั้งแต่ทำพรรคอนาคตใหม่ จนมาถึงพรรคประชาชน ไม่ใช่เพื่อให้ใครเป็น สส. ให้ใครเป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี เป้าหมายของพวกเราคือเปลี่ยนแปลงประเทศ ประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย เศรษฐกิจไทยที่แข่งขันกับโลกได้ มีการแบ่งปันดอกผลอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง บริการสาธารณะของรัฐที่มีคุณภาพ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกับปมข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา มีคนบางกลุ่มพยายามรื้อฟื้นความเชื่อมั่นในทหารกลับคืนมา ธนาธร มองว่า การเอาเรื่องชาตินิยมมาปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง ไม่ใช่เรื่องที่ดี และตั้งแต่ปี 2548 จนถึงวันนี้ 20 ปี พิสูจน์แล้วผ่านรัฐประหารมา 2 รอบ ผ่านรัฐธรรมนูญมา 3 ฉบับ แก้ไขปัญหาไม่ได้ เป็นสองทศวรรษ เป็น 20 ปีที่สูญหายไปและยังมีข้อเสนอไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีแนะนำอย่างเดียวคือยุบสภา ต้องยอมตัดความเสี่ยงตอนนี้ดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น อำนาจยุบสภามันไม่อยู่แล้วถ้ายุบสภาตอนนี้เพื่อไทยอาจยังมี สส.ถึงร้อยคน แต่ถ้าปล่อยให้ไหลกว่านี้…ดีไม่ดีจะไม่เหลือปัญหาของประเทศไทยตอนนี้ การเมืองกับเศรษฐกิจไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างตามที่ควร แต่เป็นการแก้เพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้าอีกประมาณ 4 ปีที่จะพ้นจากพันธนาการทางการเมือง (21 ก.พ.2573) อนาคตใหม่ของธนาธร จะเป็นอย่างไร เจ้าตัวบอกว่า “ผมไม่ปฏิเสธการกลับมาถ้าจำเป็น แต่ถ้าไม่จำเป็น ถ้าประเทศไทยเดินอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ผมอาจจะไม่กลับมาก็ได้ ผมไม่ได้โตมาแล้วอยากเป็นนักการเมืองนะ ฉันต้องเป็น สส. ฉันต้องเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัว ความคิดที่จะต้องมาตั้งพรรคการเมือง จริงๆมันเกิดหลังจากปี 2557 เรารู้สึกว่าประเทศไม่มีทางออก ไม่มีใครเสนอแนวทางที่ก้าวหน้าเป็นตัวเลือก รู้สึกไม่พอใจกับทิศทางที่ประเทศไทยกำลังเดินไปอยู่...ถ้าภารกิจนี้มันสำเร็จแล้ว ประเทศไทยเดินไปถูกทางแล้ว ผู้นำพรรครุ่นใหม่ๆ มีคนเก่ง มีความรู้ความสามารถอีกเยอะ ถ้าถึงเวลานั้น ไม่จำเป็นต้องมีธนาธร แต่ถ้าวันนั้นประเทศไทยยังไม่ไปไหน ยังหยุดอยู่กับที่ และคิดว่าตัวเองยังเหมาะสมอยู่ ผมไม่ปฏิเสธ ถ้าวันนั้นต้องกลับมา ก็กลับมา”มรดกที่อยากทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นหลังจดจำ “สร้างนักการเมืองที่ดีให้กับประเทศ สร้างนักการเมืองรุ่นต่อไป”ติดตามได้ที่รายการ Thairath Front Page ทางช่อง YouTube ช่อง Thairath TV Original เจาะลึกวิสัยทัศน์ ผู้บริหารที่สร้างความเปลี่ยนแปลง ให้กับประเทศ ออกอากาศเวลา 14.30 น. วันพุธที่ 9 ก.ค.นี้.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่