ตำรวจไซเบอร์ตามรวบ 2 คีย์แมน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดกาสิโนฝั่งปอยเปต กัมพูชา เป็นฐานหลอกคนไทยสารพัดรูปแบบ เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปถึง 147 ครั้ง สูญกว่า 300 ล้าน ชุดสืบสวนตามแกะรอยรวบผู้ร่วมขบวนการได้แล้วหลายราย ล่าสุดบุกตะครุบ 2 ผู้ต้องหาระดับหัวหน้าสายอ้างเป็นนายตำรวจใหญ่ผู้กำกับโรงพักโทร.ข่มขู่ผู้เสียหาย ฟันค่าจ้าง 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน บวกค่าคอมฯ 3.5 เปอร์เซ็นต์จับ 2 ผู้ต้องหาหัวหน้าสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปต ตุ๋นเหยื่อสูญ 300 ล้านบาท เปิดเผยเวลา 13.00 น. วันที่ 5 ก.ค.ที่ บช.สอท. เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ร่วมกับ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 และ พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 แถลงจับกุมนายสมศักดิ์ ดาษพินิจ อายุ 37 ปี ชาว จ.นครนายก และนายวราเมธ สามารถกิจ อายุ 20 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาระดับหัวหน้าสายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า คดีนี้เริ่มจากช่วงปี 2566 ตำรวจไซเบอร์รับแจ้งจากผู้เสียหายรายหนึ่งที่ได้รับการติดต่อจากบุคคลที่ใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีผ่านโซเซียลชวนพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมและชอบพอกัน หลอกให้โอนเงินอ้างว่านำไปลงทุนคริปโตเคอเรนซี ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป 147 ครั้ง เข้าบัญชีม้า 79 บัญชี เกิดความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 76 ราย ติดตามจับกุมได้แล้ว 46 รายผบช.สอท. กล่าวอีกว่า กรณีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้ร่วมขบวนการกว่า 100 คน มีชาวจีนเป็นหัวหน้า ใช้ภูลิคาสิโน (Pu Li Casino) เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นหลอกคนไทยหลากหลายรูปแบบ อาทิ อ้างเป็นหน่วยงานรัฐโทรศัพท์ข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีอาญา, หลอกผู้สนใจลงทุนโอนเงินลงทุนรูปแบบต่างๆ และหลอกลวงให้รักแล้วชักชวนลงทุน (Hybrid Scam) เป็นต้นพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 กล่าวเสริมว่า ตำรวจไซเบอร์ขยายผลออกหมายจับผู้ทำหน้าที่ต่างๆ รวม 44 ราย แบ่งผู้ทำหน้าที่สาย 1 ติดต่อผู้เสียหายหลอกลวงตามบทที่ได้รับ จำนวน 20 ราย จับกุมได้ 6 ราย ทำหน้าที่สาย 2 สนทนาตอกย้ำ สร้างความมั่นใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแบบสนิทใจต่อจากสาย 1 จำนวน 11 ราย ตามจับกุมได้แล้ว 2 ราย ทำหน้าที่สาย 3 ปิดเกมสั่งผู้เสียหายให้โอนเงิน อ้างเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่แอบอ้างสถานีตำรวจของร้อยเวรในสาย 2 จำนวน 7 ราย จับได้แล้ว 2 ราย และผู้ทำหน้าที่สนับสนุนด้านอื่นๆ เช่น การทำหนังสือราชการปลอม ทำหมายปลอม จัดหาซิมผี และจัดหาบัญชีม้า จำนวน 6 ราย ติดตามจับกุมแล้ว 2 รายล่าสุด พ.ต.ต.ชัยโชติ ศรีวรขาน และ พ.ต.ท.รุ่งเรือง แสนโคตร สว.กก.2 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมนายสมศักดิ์ทำหน้าที่หัวหน้าสาย 2 ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4743/2567 ได้ที่ซอยเชิงทะเล 14 ต.ชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ส่วนนายวราเมธทำหน้าที่หัวหน้าสาย 3 อ้างเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจ ภูธรมุกดาหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3677/2567 จับได้ที่ ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ แจ้งข้อหา “ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นช่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”สอบสวนนายวราเมธ ให้การอ้างว่า เคยข้ามแดนถูกกฎหมายไปทำงานแอดมินแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ในกัมพูชามาก่อน ต่อมาถูกชักชวนผ่านเฟซบุ๊กให้ไปทำงานเป็นแอดมินขายของอีกครั้ง นายจ้างนัดหมายให้ไปพบที่ภูลิคาสิโน แล้วโดนบังคับให้ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสายที่ 1 แต่พูดไม่ได้ จึงไปอยู่สาย 2 แสดงเป็นตำรวจ และเลื่อนมาทำงานสายที่ 3 เป็นนายตำรวจระดับสูงข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน ได้ค่าจ้าง 25,000 บาทต่อเดือน และค่าคอมมิชชันร้อยละ 3.5 หากไม่เอาเงินเดือนจะได้ค่าคอมมิชชันร้อยละ 6.5 ที่ผ่านมาเคยหลอกเหยื่อให้โอนเงินได้มากสุดถึง 12 ล้านบาทด้านนายสมศักดิ์ ผู้ต้องหาอีกคนให้การรับสารภาพอ้างว่า ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานแล้วโดนบังคับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเคยรับหน้าที่เป็น ร.ต.ท.พีระ สังกัด สภ.เมืองมุกดาหาร ในการหลอกเหยื่อ ต่อมาได้หลบหนีออกจากภูลิคาสิโน แล้วโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาจับตัวได้ ติดคุกอยู่ที่กัมพูชา 14 วัน ก่อนถูกส่งกลับประเทศไทยและถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าวอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่