สมรภูมิ “อิสราเอล-อิหร่าน” ส่อเดือดขึ้นกว่าเก่า หลังสหรัฐอเมริกาโดดร่วมวง จัดหนักส่งเครื่องบิน B-2 ทิ้งบอมบ์ใส่ศูนย์พัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านรวดเดียว 3 จุดพังยับ ตามด้วย “โดนัลด์ ทรัมป์” แถลงย้ำเป็นศูนย์ที่กำลังสร้างมหันตภัย พร้อมขอขอบคุณทหารอเมริกันผู้รักชาติที่บินเข้าไปถล่ม ขณะที่รัฐบาลอิหร่านระบุศูนย์บางแห่งไม่ได้เสียหายในระดับที่ซ่อมไม่ได้ ส่วน “อารักชี” รมว.ต่างประเทศอิหร่าน ลั่นสหรัฐฯจะได้รับผลที่ตามมาอย่างยาวนาน เตรียมบินไปมอสโกหารือกับผู้นำรัสเซียสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวัน ออกกลางทวีความรุนแรงถึงขีดสุด หลังกองทัพสหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงครามอิสราเอล-อิหร่าน ที่ดำเนินมานานเกือบ 2 สัปดาห์ ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์แบบพรางเรดาร์ รุ่น B-2 เข้าโจมตีศูนย์พัฒนาโครงการนิวเคลียร์ในประเทศอิหร่าน 3 แห่ง โดยไม่สนใจคำขู่ของรัฐบาลอิหร่านที่ประกาศเตือนมาตลอดว่า หากสหรัฐฯโจมตีเมื่อไร ย่อมจะมีผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างยาวนานทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า กองทัพสหรัฐฯได้ปฏิบัติการโจมตีศูนย์พัฒนานิวเคลียร์ที่สำคัญของอิหร่าน 3 แห่งคือ ศูนย์นิวเคลียร์เมืองฟอร์โดว์ นาตานซ์ และอิสฟาฮาน ทางภาคกลางของอิหร่าน ทุกคนได้ยินชื่อนี้มาเป็นเวลาหลายปี ว่าเป็นศูนย์ที่กำลังสร้างมหันตภัย เป้าหมายของสหรัฐฯ คือการทำลายขีดความสามารถในการเพิ่มความเข้มข้นแร่ยูเรเนียม และยับยั้งภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ของประเทศที่เป็นเบอร์หนึ่งในการสนับสนุนการก่อการร้ายโดยรัฐนายทรัมป์กล่าวต่อไปว่า ขอชี้แจงให้โลกรับทราบว่าการโจมตีของสหรัฐฯเป็นความสำเร็จทางการทหาร ศูนย์พัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านได้ถูกทำลายย่อยยับ และอิหร่านซึ่งเป็นชาติที่ชอบข่มเหงคนอื่นในภูมิภาคตะวันออกกลางจำเป็นต้องยอมรับสันติภาพ หากยังไม่ยอม การโจมตีจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นและง่ายดาย เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่อิหร่านป่าวประกาศว่าความตายจงมาสู่อเมริกา ความตายจงมาสู่อิสราเอล พวกเขาฆ่าคนของเรา ระเบิดคนของเราด้วยระเบิดแสวงเครื่องสหรัฐฯ สูญเสียคนนับพันนับแสนทั่วตะวันออกกลางและทั่วโลกจากความเกลียดชัง ในกรณีนี้อยากขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่เราทำงานกันเป็นทีมอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขอบคุณกองทัพอิสราเอลที่ปฏิบัติการอย่างดีเยี่ยมนายทรัมป์ยังกล่าวปิดท้ายด้วยว่า ขอขอบคุณทหารอเมริกันผู้รักชาติที่บินเข้าไปถล่มอิหร่านเมื่อคืนที่ผ่านมา สิ่งที่อยากย้ำเตือนคือสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ อิหร่านจะต้องเลือกว่าจะเอาสันติภาพหรือโศกนาฏกรรมยิ่งกว่าที่พานพบมาตลอดสัปดาห์ จำไว้ว่าเป้าหมายในอิหร่านยังเหลืออีกเยอะ ซึ่งสหรัฐฯสามารถตามล่าเป้าหมายเหล่านั้นได้ด้วยความแม่นยำ ความเร็ว และทักษะ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็จัดการได้หมดทั้งนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานจากสำนักข่าวแอกซิออส และเดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลอิสราเอลและสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการโจมตีอิหร่านอย่างแน่นอน และประธานาธิบดีทรัมป์ได้อนุมัติแผนการโจมตีอิหร่านเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงว่าอยู่ระหว่างการประเมินว่า ระเบิดเจาะบังเกอร์ขนาด 30,000 ปอนด์ (13,600 กิโลกรัม) รุ่น GBU-57 จะสามารถทำลายศูนย์พัฒนานิวเคลียร์เมืองฟอร์โดว์ที่สร้างอยู่ใต้ภูเขาได้หรือไม่ ตามมาด้วยรายงานยืนยันว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-2 จำนวน 6 ลำ ไปประจำการรอคำสั่งโจมตีอยู่ที่ฐานทัพอากาศอังกฤษ-สหรัฐฯ ในเกาะดีเอโก การ์เซีย ดินแดน อาณานิคมของอังกฤษในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งสามารถบินโจมตีอิหร่านได้โดยตรงไม่ต้องผ่านน่านฟ้าประเทศใดต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลอิหร่านได้พยายามลดกระแสความรุนแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าพลเรือนที่อยู่ใกล้ศูนย์พัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ไม่ได้รับอันตรายจากการโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ และศูนย์นิวเคลียร์เมืองฟอร์โดว์ถูกอพยพไปนานแล้ว ไม่เกิดความเสียหายในระดับที่ซ่อมไม่ได้ แต่นายอับบาส อารักชี รมว.ต่างประเทศอิหร่าน กล่าวระหว่างการประชุมร่วมกับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ที่นครอิสตันบูลของตุรกีว่า อิหร่านขอสงวนสิทธิในการปกป้องอธิปไตย ผลประโยชน์ และประชาชน ต่อการโจมตีอย่างอุกอาจของสหรัฐฯ ที่ย่อมมีผลตามมาอย่างยาวนาน และการจะกลับสู่โต๊ะเจรจาจะเกิดขึ้นต่อเมื่อการคุกคามต่อประเทศอิหร่านได้ยุติลง นอกจากนี้ ยังมีรายงานเปิดเผยว่านายอารักชีมีกำหนดเดินทางไปหารือเรื่องนี้กับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่กรุงมอสโกหลังการโจมตีของกองทัพสหรัฐฯไม่กี่ชั่วโมง กองทัพอิหร่านได้ปฏิบัติการยิงขีปนาวุธหลายระลอกโจมตีพื้นที่ภาคกลางของอิสราเอล มีรายงานขีปนาวุธโจมตีถูกเป้าหมายในกรุงเทลอาวีฟและเมืองไฮฟา เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 10 คน ขณะที่กองกำลังติดอาวุธฮูตีในเยเมน หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรของอิหร่านที่สร้างความปั่นป่วนต่อการเดินเรือในพื้นที่ทะเลแดง และเคยตกลงหยุดยิงกับสหรัฐฯไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ประกาศว่าการตอบโต้ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และข้อตกลงหยุดยิงกับสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่ตกลงกันก่อนที่สหรัฐฯ จะตัดสินใจโจมตีอิหร่านอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่