“สรวงศ์” ลั่น นายกฯ ไม่มีถอดใจ ไม่ลาออก-ไม่ยุบสภา ลุยสร้างผลงานในวาระที่เหลือ“วิสุทธิ์” ฟุ้งเสียงหนุนรัฐบาลเกิน 280 ไม่สนอีกขั้ว รทสช.ขู่ถอนตัว ใครอึดอัดไม่สบายใจเชิญ เบิร์ธเดย์ 58 ปี “ปู” เหงา ชุลมุนช่วงปรับ ครม.“ทักษิณ” รับรู้ “ลูกอิ๊งค์” เหนื่อยแต่เชื่อมั่นจะผ่านไปได้ แบ่งงานใหม่ 3 รองนายกฯ ดูแล 4 กระทรวง “ปลัดตุ๋ม” เท้าบวมขึ้นแท่นรองนายกฯ ควบ รมว.ดีอี “เดชอิศม์” จ่อขยับช่วยมหาดไทย “อนุดิษฐ์” คัมแบ็กโควตากล้าธรรม พท.ดึง “บิ๊กนัย” หมวกแดงคุมกลาโหม “ประเสริฐ” ชื่อนิ่งที่ มท.1 “พิชัย” โดนเขี่ยพ้นเก้าอี้พาณิชย์ “เสี่ยอ้วน” รีเทิร์น “เดชอิศม์” ฉะพรรคที่บิดเบือนไม่ใช่ “สุภาพบุรุษ” “ชนินทร์” จี้ทบทวนมติ กก.บห.ปชป. “วิทยา-ลูกหมี” ย้ำต้องเปลี่ยนผู้นำ สว.สีน้ำเงินขย่มหนัก ขอสั่งพักงานนายกฯรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังคงเดินหน้าต่อหลังซาวเสียงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลจนมั่นใจว่าจำนวนเสียงสนับสนุนเกินกว่าครึ่งไปมากพอสมควร พร้อมกับการจัดทัพปรับคณะรัฐมนตรี ลุยสร้างผลงานในช่วงวาระที่เหลืออีกราวๆ 2 ปี“สรวงศ์” ลั่นไม่ลาออก-ไม่ยุบสภาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “กรณีมีกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรคด้วยการลาออกหรือยุบสภา หลังผ่านการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระที่สาม สรุปว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง นายกฯยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่าจะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆอย่างเต็มความสามารถ เช่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤติภาษีทรัมป์ รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม อาทิ เดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด ปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น มาตรการลดค่าครองชีพผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำงานต่อไป ไม่ลาออก และไม่ยุบสภา เพราะเป้าหมายของเราคือการเร่งแก้ปัญหาให้จบ และผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง ขอวิงวอนผู้ที่เผยแพร่ข่าวดังกล่าวโปรดคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อย่าให้เรื่องทางการเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญนี้”“อนุสรณ์” โวเดินหน้าสร้างผลงานนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเดินหน้าทำงานของรัฐบาลว่า ประเทศไทยต้องไปต่อวิกฤติประเทศรอไม่ได้ เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การเมือง ประเทศชาติจะขาดรัฐบาลไม่ได้ การที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกไปไม่ใช่ปัญหา เชื่อว่านายกฯจะจัด ครม.ได้ดี ได้มืออาชีพมาเร่งสร้างผลงานได้ทุกมิติในช่วงเวลา 2 ปีที่เหลือของรัฐบาล มองในมุมบวกการออกไปของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทยอาจทดแทนด้วยการได้รัฐมนตรีใหม่ ได้วิธีคิด วิธีทำแบบใหม่ เชื่อว่าจะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯจะเร่งเครื่องผลงานรัฐบาล ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2570 ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่น รัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลมากหรือน้อยถือเป็นปัจจัยหนึ่งในการเดินหน้าทำงาน แต่ปัจจัยสำคัญกว่านั้นคือคุณภาพต้องอยู่เหนือปริมาณ เพื่อนำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤติ“วิสุทธิ์” ฟุ้งรัฐบาลเกิน 280 เสียงนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล และประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติยืนยันจะให้เปลี่ยนตัวนายกฯ ไม่เช่นนั้นจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลว่า ไม่ทราบว่าพูดจริงหรือไม่ แต่วันนี้เสียงรัฐบาลพออยู่แล้ว ทราบจากวงในว่ามีคนขอย้ายเข้ามาเยอะ เสียงรัฐบาลไม่ปริ่มน้ำ ตอนนี้น่าจะเกิน 270-280 เสียงแล้ว มีหลายพรรคที่พรรคไม่มา แต่ตัวคนมา แต่ยังเป็นความลับอยู่ ไม่ถือเป็นงูเห่า บางคนไม่อยากอยู่ที่เดิม อึดอัดไม่สบายใจ ดังนั้น ใครจะอยู่หรือไปไม่ได้กังวล เมื่อถามว่าหลังเปิดสภาฯจำนวนเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลที่มีอยู่จะเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณากฎหมายหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า ไม่เป็นอุปสรรค พร้อมทำหน้าที่ ไม่มีอุปสรรคอะไร ยังไม่อยากเปิดเผยตัวเลขเพราะเป็นมารยาท ใครจะไปจะมาก็แล้วแต่ความสะดวก ความสมัครใจ หลายคนเห็นแนวทางก็อยากทำงานแก้ปัญหาให้บ้านเมือง อยากสนับสนุนรัฐบาลก็เป็นสิทธิ์ และเป็นเอกสิทธิ์ของสภาฯเบิร์ธเดย์ “ปู” เหงาช่วงปรับ ครม.มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 21 มิ.ย. ตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 58 ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยปีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางมาฉลองวันคล้ายวันเกิดที่ฮ่องกงกับคนใกล้ชิด ทำให้บรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่างเดินทางไปร่วมฉลองวันเกิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาทิ สส.ในกลุ่ม จ.นคร ราชสีมา แต่บรรดาแกนนำระดับคีย์แมนของพรรคไม่ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดีเหมือนหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การเมืองมีความเข้มข้น ต้องอยู่ที่ประเทศไทยคอยเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอยู่ในช่วงของการปรับ ครม. คาดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะอยู่ที่ฮ่องกงถึงวันที่ 24 มิ.ย.“ทักษิณ” รู้ “อิ๊งค์” เหนื่อยแต่ผ่านได้ต่อเวลา 16.49 น. นายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุไพรพล เพ็ญแข ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ลงเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความระบุว่า “ท่านนายกฯทักษิณสบายดี ฝากขอบคุณที่เป็นห่วง” ต่อมานายจักรภพเปิดเผยว่า เดินทางไปเยี่ยมท่าน ท่านได้ให้กำลังใจแสดงความเป็นห่วงบ้านเมืองว่าช่วงนี้หนักกันหน่อย เขาพยายามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้ แต่เชื่อว่าผู้ที่มีหน้าที่จะบริหารจัดการได้ ไม่มีปัญหา ใครมีหน้าที่อะไรก็ขอให้ทำหน้าที่ไป ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้ว่าเหนื่อยแต่เชื่อว่าเข้มแข็ง จะผ่านไปได้ ไม่มีปัญหาแบ่งงานรองนายกฯดู 4 กระทรวงผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรีที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พบว่ากระทรวงที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เคยกำกับดูแล อย่างกระทรวงมหาดไทย มอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯกำกับดูแล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ส่วนกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯกำกับดูแล ส่วนที่ไม่ปรากฏชื่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เพราะนายพีระพันธุ์มีกระทรวงที่กำกับดูแลอยู่แล้ว ครั้งนี้เป็นเพียงการแบ่งงานชั่วคราวในส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเคยดูแล เมื่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้น จะแบ่งงานเกลี่ยการกำกับดูแลกันอีกครั้งในที่ประชุม ครม.“ปลัดตุ๋ม” ขึ้นรองนายกฯ ควบดีอีผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน มีการซาวเสียงพรรคร่วม รัฐบาลอื่นยังคงสนับสนุนการทำงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ มีเสียงเพียงพอเดินหน้าทำงานจนครบวาระ แต่พรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทยยังคงเดินหน้าหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมให้รัฐบาลมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเดินหน้าปรับ ครม.โดยจะให้โควตาเพิ่มกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ใน 8 ตำแหน่งที่ว่างลงของพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้เริ่มวางตัวบุคคลชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ โดยชื่อที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี อาทิ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในโควตาของกลุ่ม 18 ภายใต้การนำของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค รทสช. พรรคประชาธิปัตย์ได้เพิ่ม 1 ตำแหน่ง คือ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช คาดว่ามานั่งเป็น รมช.สาธารณสุข แทนนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ที่จะสลับไปเป็น รมช.มหาดไทย“อนุดิษฐ์” คัมแบ็กโควตากล้าธรรมส่วนพรรคกล้าธรรมจะมีการสลับตำแหน่งโดยให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เข้ารับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ แทนนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผู้เป็นพ่อ และคาดว่าจะส่งชื่อ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม เข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่ในโควตาพรรคที่จะได้เพิ่มขึ้น หลังสร้างผลงานเพิ่มจำนวน สส.ได้เข้าเป้าพท.ดึง “บิ๊กนัย” หมวกแดงคุม กห.ขณะที่พรรคเพื่อไทยคาดว่าขยับไม่มาก มีรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งเพียงแค่คนเดียวคือ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่มีปัญหาผลักดันราคาพืชผลเกษตรกรให้แก่พี่น้องชาวเกษตรกร ฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ผล คาดว่าจะสลับให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กลับมานั่ง รมว.พาณิชย์ที่เดิม หลังเคยทำผลงานไว้ได้ดีในสมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อยกระดับราคาพืชผลการเกษตร ส่วนตำแหน่ง รมว.กลาโหม มีชื่อ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ซึ่งจะเป็นโควตาของเพื่อไทยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็นแคนดิเดตอีกคน แต่ล่าสุดน่าจะนั่งเป็น รมช.กลาโหมอยู่ที่เดิม“ประเสริฐ” ชื่อนิ่งๆ รมว.มหาดไทยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย เต็งหนึ่งยังคงเป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เนื่องจากเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน ฐานคะแนนเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย และตอบโจทย์ สส.เขตที่ต้องการรัฐมนตรีให้เป็นคนของพรรคในการขับเคลื่อนงาน สำหรับรายชื่อผู้ที่อาจเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพิ่มเติมในส่วนของพรรคเพื่อไทย คือ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่เคยรับราชการเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยมาก่อน รวมถึงนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ที่ทำผลงานได้ดีในการเป็นปากเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย เป็นอีกคนที่จะเข้ามามีตำแหน่งใน ครม.รอบนี้“เดชอิศม์” ย้ำ “สุภาพบุรุษการเมือง”วันเดียวกัน นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เราต้องเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง” บางอย่างอาจไม่ถูกใจแต่เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง 1.การเจรจาทางการทูตทุกประเทศเขาเจรจา 2 รูปแบบ คือเจรจาแบบเป็นทางการ กับเจรจานอกรอบ (ไม่เป็นทางการ) การเจรจานอกรอบต้องเป็นความลับ เพราะเป็นการพูดโน้มน้าวเพื่อให้เกิดสันติวิธี แต่การเจรจานอกรอบระหว่างสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ฝ่ายสมเด็จฮุน เซนวางแผนอัดคลิปหลอกล่อเพื่อประโยชน์ของเขา มุ่งทำลายผู้นำเรา สร้างความแตกแยกให้คนไทย ยิ่งรัฐบาลไทยล้ม ยิ่งคนไทยรบกันเอง เขายิ่งได้กระแสนิยม 2.พรรคการเมืองบางพรรคที่ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะถูกขอเปลี่ยนกระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงอื่น จึงแสดงความไม่พอใจและจะถอนตัวอยู่แล้ว แต่ไปแถลงว่าออกเพราะคลิปดังกล่าว ในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร แบบนี้เรียกว่า “สุภาพบุรุษทางการเมือง” หรือไม่ 3.เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกกรรมการบริหารพรรคประชุม สุดท้ายลงมติว่าไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลอย่าหลงกล “ฮุนเซน” ทำลายชาตินายเดชอิศม์ระบุอีกว่า “เราไม่หลงกลฮุนเซนที่มุ่งทำลายรัฐบาล ทำลายความรักความสามัคคีของคนไทย เพื่อให้เขาได้คะแนนนิยมสูงขึ้น ที่คนไทยจำนวนมากคิดว่าตระกูลชินกับตระกูลฮุนมีผลประโยชน์ร่วมกันในบางเรื่อง ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่จริง ชาตินี้คิดว่า 2 ตระกูลนี้คงไม่คบกันอีกแล้ว เมื่อเกิดปัญหาเราต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ทิ้งเพื่อน ทิ้งปัญหา เราต้องเป็น “สุภาพบุรุษทางการเมือง” วันนี้ดีใจที่ทหารและผู้นำประเทศเข้าใจกันดี ร่วมมือกันแก้ปัญหาได้ดี เราต้องฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ต่อไปนี้ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับกัมพูชาทุกกรณี”“ชนินทร์” จี้ทบทวนมติ กก.บห.ใหม่ด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยื่นหนังสือถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรค ปชป. ขอจัดประชุมทบทวนมติกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ทำให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ยังทำหน้าที่ต่อไปได้ทั้งที่มีปัญหาและประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับ มติ กก.บห.ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อประชาชนทั่วไปและสมาชิกพรรค ปชป. ทำให้มีผู้ทยอยลาออก เห็นว่าการประชุม กก.บห.ครั้งก่อนรีบร้อนจัดเกินไป ทำให้ กก.บห.หลายคน ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริง และรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนไม่รอบด้านเพียงพอ เพื่อให้เกิดความรอบคอบจึงควรจัดประชุม กก.บห.พิจารณาเรื่องสำคัญนี้อีกครั้ง“วิทยา” ย้ำต้องเปลี่ยนตัวนายกฯขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่าหลังพรรครทสช. มอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. นำมติของพรรคขอให้เปลี่ยนตัวนายกฯ ถ้าไม่เปลี่ยนเราต้องลาออก ไปคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รอฟังข่าวอยู่ว่าเขาจะว่าอย่างไร ยังไม่ตอบมาเป็นทางการ เพราะนายกฯหมดคุณสมบัติที่จะเป็นแล้ว อยู่ไปคงยาก ขณะนี้กระแสไปเร็วมาก ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวนายกฯแจ้งกลับมาว่าจะขอลาออกหลังผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นายวิทยาตอบว่า ไม่เป็นไรค่อยมาคุยกัน แต่งบประมาณอีก 3 เดือนกว่าจะผ่าน ไม่จำเป็นหรอก ปัญหาคือจะอยู่ถึงหรือเปล่า ปัญหาเรื่องจริยธรรมตามมาเป็นขบวนแล้ว รอดยากแล้ว กลัวว่าการเมืองยังไม่ทันจบ ทางกฎหมายจะไปก่อนแล้ว เมื่อถามว่าหากรัฐบาลจะเอาเฉพาะกลุ่ม 18 ไป นายวิทยาหัวเราะก่อนตอบว่า แปลกใจกับการเมืองแบบนี้ อาจจะฝากลูกฝากหลานไปเป็นก่อนมั้ง ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เขา ส่วนเราก็ว่าของเราไป“ลูกหมี” ลั่นนายกฯไม่ออกเราออกผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 20 มิ.ย.ที่สนามหน้าพระบรมรูป ร.5 หน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร (อบจ.) นายชุมพล จุลใส อดีต สส.ชุมพร หลายสมัย นำ 3 สส.ชุมพร พรรค รทสช. ได้แก่ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ นายสันต์ แซ่ตั้ง นายชุมพล จุลใส พร้อมนายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร และกลุ่มพลังมวลชน รวมตัวแสดงจุดยืน นายชุมพลกล่าวว่า มาวันนี้ในฐานะประชาชนผู้รักชาติ มาให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ถูกนายกฯด้อยค่า ทำให้ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิมากที่มีผู้นำแบบนี้ จึงเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก “ถ้าเขาไม่ออก พวกเราจะออกเอง เพราะพวกเราจะไม่ทรยศต่อคะแนนเสียงที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนชาวชุมพร”“เท้ง”หยันแค่ต่อรองผลประโยชน์ที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ว่า สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือหน้าตา ครม. ที่สามารถจะแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้ สิ่งที่เห็นคือการพยายามต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แลกผลประโยชน์การเมืองกันมากกว่า พรรค ปชน.ยืนยันว่าต้องการให้มีการคืนอำนาจสูงสุดให้กับประชาชน จัดการการเลือกตั้งใหม่ คณะรัฐมนตรียังมีอำนาจรักษาการ ยังสามารถใช้อำนาจ หรือกลไกของรัฐ มาบริหารราชการแผ่นดินได้อยู่ เมื่อถามว่านายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ระบุว่าอาจมีงูเห่าจากฝ่ายค้านมาเพิ่มเสียงให้รัฐบาลถึง 280 เสียง นายณัฐพงษ์ตอบว่า เชื่อมั่นในพรรค ปชน.ว่าไม่มีงูเห่าแน่นอน ส่วนจะมาจากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆหรือไม่ ไม่สามารถตอบแทนได้ คนที่ให้ข่าวออกมาหากมีรายชื่ออยู่ ก็อยากให้เปิดชื่อออกมาเลยทสท.แถลงไล่ตะเพิดแก๊ง “งูเห่า”วันเดียวกัน พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจะมีสมาชิกพรรค ทสท.บางคนไปร่วมสนับสนุนการปรับ ครม. มีบางคนอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น พรรคยืนยันว่ายังคงยืนหยัดในอุดมการณ์การเมืองด้วยการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ตระบัดสัตย์ต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนตอนหาเสียง หากมีสมาชิกพรรคคนใดไปร่วมรัฐบาลหรือร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ไม่ว่าจะในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นใด ขอให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อบังคับพรรค และมารยาททางการเมือง ด้วยการลาออกจากสมาชิกพรรคเนื่องจากพรรคไม่สนับสนุนและไม่เห็นด้วยกับการกระทำนั้น และควรมีความกล้าหาญอย่างลูกผู้ชาย กระทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรแต่งตั้งนอมินีให้ดำรงตำแหน่งแทนตนเอง นอกจากนี้นายกฯหรือพรรค การเมืองที่ต้องการสมาชิกพรรค ทสท.ไปร่วมงานหรือร่วมรัฐบาล ต้องคำนึงถึงจริยธรรมและมารยาททางการเมือง ไม่ใช่ให้ได้เสียงข้างมากโดยอาศัยงูเห่า อันเป็นการแสดงถึงการเมืองที่ไม่สุจริต ไม่เคารพต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนผู้เลือกตั้ง อันอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ที่สำคัญการพยายามรักษาอำนาจของนายกรัฐมนตรีโดยอาศัยงูเห่า เป็นการทำลายคุณค่าของจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตของสังคมไทยที่ผู้นำไม่ควรกระทำสีน้ำเงินขอศาลสั่งพักงานนายกฯสำหรับความคืบหน้ากรณีคณะ สว.จำนวน 36 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีน้ำเงิน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิฉฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) วรรค 3 มาตรา 160 (4) และ (5) ประกอบมาตรา 82 กรณีปัญหาคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา คำร้องดังกล่าวมีจำนวน 5 หน้า และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา ทั้งนี้ สว. 36 คน มอบให้ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคง วุฒิสภา เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้อง เพิ่มเติม ขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเติมการยื่นบัญชีระบุพยาน ยื่นคำร้อง คำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี การให้ถ้อยคำหรือยืนยันข้อเท็จจริง ความเห็นและเบิกความต่อศาล หรือดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆในคดีนี้ต่อประธานวุฒิสภา และศาลรัฐธรรมนูญแทนคณะ สว.ทุกคนจนเสร็จการอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่