ยังคาราคาซัง รอความชัดเจนต่อไป ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่มีคำตอบชี้ขาด คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ จะลงเอยรูปแบบใดภายหลังศาลอนุญาตให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขอขยายเวลาส่งเอกสารประกอบการไต่สวนถึงวันที่ 23 มิ.ย.2568 พร้อมเรียกสอบพยานเพิ่มอีก 20 ปาก ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำคดีป่วยทิพย์ลากออกไปอีกระยะ นายใหญ่ได้ยื้อเวลาเพิ่ม แต่ยังหายใจไม่ทั่วท้อง ต้องลุ้นจะถูกนำตัวกลับมาติดคุกของจริงหรือไม่ตามแนวโน้มล่าสุดออกมาไม่สู้ดี คณะกรรมการแพทยสภามีมติยืนกรานลงโทษ 3 นายแพทย์ ใช้ดุลพินิจเอื้อประโยชน์ช่วยนายทักษิณได้รักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ ไม่ต้องถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำคำวีโต้ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ใช้อำนาจโต้แย้งมติแพทยสภา ไม่เป็นผล พลังทีมชุดกาวน์แท็กทีมลงมติล้นหลามทะลุ 2 ใน 3 ตอกย้ำความเห็นตามมติเดิมคดีชั้น 14 อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่เป็นตัวแปรสำคัญของนายใหญ่ที่จะกำหนดการมีอำนาจอยู่เหนือเพื่อนร่วมรัฐบาล จำเป็นต้องรีบชิงความได้เปรียบ ในช่วงที่ศาลฎีกาฯยังไม่มีคำตัดสินออกมา เร่งเครื่องคุมดุลอำนาจให้อยู่เหนือพรรคร่วมรัฐบาล ในช่วงที่ยังมีแต้มต่อ กดราคาได้จังหวะที่ “ทักษิณ” ส่งสัญญาณเหยียบคันเร่งปรับ ครม. เดินหน้าทุบพรรคภูมิใจไทย ยึดเก้าอี้ รมว.มหาดไทย กลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย กุมอำนาจท้องถิ่น กลไกชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งอย่างที่รุ่นใหญ่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ส่งซิกจะเห็นความชัดเจนการปรับ ครม.สัปดาห์หน้าเพื่อไทยรุกคืบเกมปรับ ครม.แบบฟาสต์แทร็ก เร่งคลอดโผ ครม.ใหม่ให้เสร็จก่อนเดือน มิ.ย.แม้กระทั่งการประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก ที่วางโปรแกรมไว้วันที่ 23-24 มิ.ย. ก็โดนสั่งเลื่อนออกไป หลีกทางจัดทำโผ และเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีให้เสร็จสิ้นก่อนขืนชักช้า ปรับ ครม.ไม่ทันคำตัดสินคดีป่วยทิพย์ หากผลออกมาทางบวกกับนายใหญ่ ก็ยังคุมเกมปรับ ครม.ได้ แต่ในทางตรงข้าม ถ้าผลออกแง่ร้าย คงริบหรี่ที่จะควักพุงปลาให้คายออกจากปากพรรคภูมิใจไทยแต้มต่อมลายหายในพริบตาแน่ ไม่มีอะไรไปขู่ริบชิ้นปลามัน เผลอๆอาจถูกกดราคากลับ เสียหายหนักกว่าเก่านายใหญ่สั่งทุบหม้อข้าว ลุยแตกหักต้องยึดเก้าอี้ มท.1 กลับคืนจาก “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหักดิบกันถึงขั้น ถ้าภูมิใจไทยไม่ยอมคาย ก็ต้องดีดไปเป็นฝ่ายค้าน เพราะประเมินแล้ว หัวเด็ดตีนขาดยังไง ค่ายสีน้ำเงินก็ไม่กล้าไปเป็นฝ่ายค้านแน่แนวโน้มที่ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ผู้จัดการพรรคตัวจริง อาจต้องยอมกลืนเลือด เสียกระทรวงมหาดไทยให้พรรคเพื่อไทย ดีกว่าเปลี่ยนสถานะไปเป็นฝ่ายค้านไฟต์บังคับบีบ “ทักษิณ” ต้องรีบเดินเกมเร็วและแรง ท้าแตกหักภูมิใจไทย ไม่กลัวความเสี่ยงเรื่องเสียงปริ่มน้ำตามมา หรือโดนเกมแทงหลังในชั้นวุฒิสภาสถานการณ์ที่กองทัพเซราะกราวสู้ยิบตา ไม่ยอมถูกล่อเป้าฝ่ายเดียว โต้กลับปล่อยภาพชุด “เนวิน–อนุทิน” และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำภูมิใจไทย ร่วมเฟรมกินข้าวกับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เจ้าของซุ้ม 6 สส.เพชรบูรณ์ส่งสัญญาณคนมีของ สอยก๊วน “สันติ” ฉก 6 สส.เมืองมะขามหวานมาร่วมค่ายน้ำเงิน ตัดหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมนำร่องดูดโชว์ทีมงานนายสันติมาเป็นคณะทำงานกระทรวงมหาดไทย เป็นหนังตัวอย่างล่วงหน้า“เพื่อไทย–ภูมิใจไทย” เปิดสงครามแย่งชิง–ปกปักเก้าอี้ รมว.มหาดไทย สถานภาพแตกร้าวหนัก แต่ต้องทนหวานอมขมกลืน อยู่กันแบบช้ำเลือดช้ำหนองต่อไปเรื่อยๆ2 พรรคแหยงแตกหัก ฝ่ายเพื่อไทยก็กล้าๆกลัวๆ เสี่ยงเสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน หากไม่มี 69 เสียงของค่ายน้ำเงินหนุนรัฐบาล เพราะเสียงงูเห่าก็มีแต่หน้าเดิมๆ ไม่มีมาเติมเพิ่มอาการไม่ต่างจากภูมิใจไทยที่ผูกพันการเป็นรัฐบาล คุ้นชินใช้กลไกอำนาจรัฐสร้างฐานคะแนนนิยมในพื้นที่ หากไม่มีอำนาจรัฐ ย่อมไร้อำนาจต่อรองใดๆ ผลกระทบที่ตามมา เสี่ยงเสียหายหนักในการเลือกตั้งรอบหน้าภาวะแตกร้าว แต่ไม่กล้าแตกหัก ต้องประคองผลประโยชน์ร่วมกันจนสิ้นสุดทางลาก!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม