เหตุบ้านการเมืองเดินเข้าสู่จุดที่ทำให้นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องลุ้นสุดกำลังเพราะมันเดินไปสู่ปมที่จะชี้เป็น ชี้ตายแล้ว แม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาที่ดูเหมือนจบแต่ก็ยังไม่จบ เพราะอีกฝ่ายมีลูกเล่นแพรวพราวพร้อมเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลาก็ต้องดูว่าวันที่ 14 มิ.ย.68 ซึ่งมีนัดหมายประชุมเจบีซี ซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพว่าจะมีกระบวนอะไรออกมาอีกรัฐบาลไทยประกาศว่าจะมีประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นแต่กัมพูชาพยายามจะไม่พูดเรื่องนี้อ้างว่าต้องการให้ศาลโลกชี้ขาดแต่ไทยพยายามที่จะให้จบในวงเจบีซีมากกว่านั่นเรื่องหนึ่ง...อีก 2 เรื่องเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีล้วนๆคือเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” แสดงนำและยังสู้กันอยู่ในกรอบแพทยสภา ซึ่งจะมีการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.68 เพื่อลงมติยืนยันมติเดิมหลังจากที่มีการวีโต้“สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีที่ตามจิกเรื่องประกาศว่าจะเข้าประชุมด้วยเพื่อหวังว่าจะทำให้คณะกรรมการลงมติไปอีกทางหนึ่งแต่ฟังเสียงดูแล้วน่าจะออกมาทางยืนมติเดิมมากกว่า“สมศักดิ์” นั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องยากแต่ก็แสดงให้จบบทเพื่อให้ “นายใหญ่” เห็นว่าทำงานเพื่อช่วยเหลือเต็มที่แล้วเพียงแต่ไม่สามารถไปบังคับใครได้ ก็เป็นลีลาของนักการเมืองที่โชกโชนสนามจากนั้นก็เป็นความเคลื่อนไหวเรื่องปรับ ครม.ที่ส่อเค้าว่าไม่สามารถทำได้อย่างที่คิดและต้องการเมื่อเป้าหมายประกาศชนทุกหน้าจะเป็นผู้มากบารมีแค่ไหนก็ตาม!เพราะตำแหน่งนี้ก็รู้อยู่แล้วว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” จองมาตั้งแต่ไก่โห่และสามารถบริหารจัดการทั้งงานและคนให้อยู่ในกำมือแล้วเพื่อหวังความได้เปรียบในการเลือกตั้งใหญ่จู่ๆจะมาหักดิบกันง่ายๆไม่มีทางยอมว่ากันว่า “เสี่ยหนู” ได้กำลังภายในสนับสนุนทำให้กล้าต่อกรไม่เกรงขามกันแล้ว จึงบอกว่าตำแหน่งตกลงกันตั้งแต่ต้นแล้วในการเข้าร่วมรัฐบาลถ้าไม่ตกลงกันก่อนจะได้เป็น “มท.1” หรือ?คำถามกลับไป “เพื่อไทย” ที่บอกว่าไม่มีการพูดคุยกันแต่เจรจาเรื่องงานมากกว่าพูดง่ายๆว่ากล้าแข็งข้อไม่มีอ่อนให้!นั่นทำให้นายกรัฐมนตรีไม่กล้าพูดคุยเรื่องนี้แต่มีแผนอีกชั้นที่นำมาใช้คือให้ “สุชาติ ชมกลิ่น” จากพรรครวมไทยสร้างชาติส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีพร้อมแนบรายชื่อ 21 สส.ขอให้ปรับ ครม.เนื่องจากรัฐมนตรีของพรรคทำงานไม่มีประสิทธิภาพไร้ความสามารถต้องขอเปลี่ยนตัว โดยลืมไปว่าตัวเองก็เป็นรัฐมนตรีอยู่ด้วยเพียงแต่หวังที่จะเขี่ย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ให้หลุดจากเก้าอี้เพื่อจะคุมพรรคอย่างเบ็ดเสร็จก็มาแผนเดียวกับ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ไม่มีผิดหากไม่ยอมก็จะเขี่ยพ้นจากรัฐบาล ไปเอาพรรคใหม่ที่เตรียมเอาไว้แล้วเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแทนไม่ต่างกับ “กล้าธรรม” ปล่อยให้พรรครวมไทยสร้างชาติไปเป็นฝ่ายค้านแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแต่โดยสรุปแล้วอะไรจะเกิดนั้นขึ้นอยู่กับเรื่องใหญ่สุดคือ “ทักษิณ” จะติดคุกหรือไม่?เพราะนี่คือจุดสำคัญที่สุด!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม