ตำรวจเค้นสอบ “หมอเตยและสามี” ยังลอยหน้าลอยตายืนกรานปฏิเสธเสียง แข็ง ถึงแม้มีหลักฐานให้ดูชัด เส้นทางธุรกิจขาดทุนยับ ร้านกาแฟ ค่ายเพลงไม่สอดคล้องกับการได้มาของทรัพย์ เร่งตรวจสอบทรัพย์สินที่แอบซื้อไว้ในหลายจังหวัด พร้อมคุมตัวทั้งคู่ฝากขังต่อศาลและคัดค้านประกันตัว ขณะที่รอง ผบช.ก.แจงหมอเตยนำเงินของวัดออกไปใช้ส่วนตัว ใช้กลอุบายอ้างว่าจะนำไปทำโครงการต่างๆ เป็นคนกุมบังเหียนครอบสมีแย้มชัด เร่งตรวจสอบความสัมพันธ์ภายหลังตำรวจ บช.ก.จับกุมนายฉัตรชัย สีเลี้ยง หรือ พ.จ.อ.ฉัตรชัย อินทร์มี อายุ 56 ปี นางพชรพร หรือหมอเตย สีเลี้ยง หรือพัศรานุวัตร อายุ 52 ปี สองผัวเมียคนคุมบังเหียนอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือสมีแย้ม หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 โกงเงินวัด หลังตรวจพบเส้นทางเงิน 20 ทางเชื่อมโยงรายได้จากการประมูลร้านค้างานประจำปีร้านค้าสวัสดิการ และเงินทำบุญกฐินโอนเข้าบัญชีสมีแย้ม และแจ้งข้อหาเพิ่มกับอดีตพระมหาเอกพจน์ หรือ นายเอกพจน์ ภูฆัง อายุ 25 ปี พระคนสนิทสมีแย้มที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่ บช.ก. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พร้อมพนักงานสอบสวนคุมตัวหมอเตยและสามีออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ขณะเดินออกมาจากห้องขังหมอเตยและสามีมีอาการอิดโรยจากความเครียด ผลพวงอาการป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19มีรายงานข่าวแจ้งว่า การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ รวมถึงไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจ เนื่องจากพยานหลักฐานที่ตรวจพบโดยเฉพาะเส้นทางการเงินรวมไปถึงพยานแวดล้อมต่างๆ ค่อนข้างแน่นหนา สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า ทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินวัดไปใช้ประโยชน์ส่วนตนอย่างแน่นอนแนวทางการสืบสวน ตำรวจจะมุ่งเน้นสืบทรัพย์ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหา เพื่อตามอายัดทรัพย์กลับคืนวัด ขณะนี้ทราบว่ามีบ้านอยู่ใน จ.กำแพง เพชร ที่ดินในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.ขอนแก่น และ จ.มุกดาหาร รวมถึงคาเฟ่ร้านกาแฟในพื้นที่ จ.สุโขทัยและค่ายเพลง “ช่อฟ้า เรคคอร์ด” รถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองรวม 23 คัน รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ภายในสัปดาห์หน้าตำรวจ กก.5 บก.ปปป. และ กก.5 บก.ป. จะเร่งกระจายกำลังลงพื้นที่ตามสถานที่ต่างๆ ในหลายจังหวัด เพื่อตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินมาตรวจสอบอย่างละเอียด เบื้องต้นขณะนี้อายัดรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองแล้ว 6 คันสำหรับการสอบสวนหมอเตยกับสามี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.เปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ เนื่องจากพบว่านำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว อ้างว่าจะนำไปทำโครงการต่างๆ ให้วัด ไม่ใช่กรณียักยอกเงินร้านค้าสวัสดิการ สอบปากคำทั้งคู่จนถึงตอนนี้ยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร เท่าที่พูดคุยเชื่อว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่เทคนิคข้อต่อสู้คดี หากแต่เป็นการไม่สำนึกในสิ่งที่ได้ทำลงไป ส่วนทรัพย์สินบ้านแม่ใน จ.กำแพงเพชร รถ ที่ดิน ต่างๆ เจ้าตัวอ้างว่าได้มาจากเงินรายได้ของตัวเองไม่ใช่เงินวัด ทั้งที่ในความเป็นจริงทั้ง 2 คนไม่มีอาชีพอะไร ร้านกาแฟที่เปิดไม่มีลูกค้า ธุรกิจค่ายเพลงที่ทำขาดทุน เพราะรายรับต่อเดือนแค่หมื่นสองหมื่นแต่รายจ่ายหลักแสน ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในการได้มาของทรัพย์สินตามที่กล่าวอ้าง ขนาดมีหลักฐานให้ดูต่อหน้าผู้ต้องหายังไม่จำนนลอยหน้าลอยตาปฏิเสธ ต่างกับสมีแย้มที่ยังพอมีจิตสำนึก ยืนยันว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดำเนินคดีทุกกรรมที่พบความผิดพล.ต.ต.จรูญเกียรติเปิดเผยอีกว่า การแกะรอยติดตามตัวชุดสืบสวน บก.ป.และบก.ปปป. ลงพื้นที่สืบเสาะหาข้อมูลมาโดยตลอด ช่วงแรกเข้าใจว่าทั้ง 2 คน ปิดโทรศัพท์เก็บข้าวของหนี กระทั่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้รับข้อมูลจากผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงว่า หมอเตยเพิ่งโทรศัพท์มาหาคนงานในวัด เร่งแกะรอยจากข้อมูลโทรศัพท์จนพบข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่าทั้ง 2 คน ยังคงแอบซ่อนตัวอยู่ในค่ายลูกเสือ จนนำมาสู่การตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ขยายผลเข้าตรวจค้นภายในห้องพักพบโทรศัพท์และซิมการ์ดถูกซ่อนไว้เตรียมรอทำลาย นอกจากนี้ยังตรวจยึดรถและทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการ ส่วนแนวทางทำงานหลังจากนี้จะเร่งขยายผลสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ทั้งคู่ถือครองในพื้นที่ต่างจังหวัด เพื่อตามอายัดทรัพย์กลับคืนวัด รวมถึงขยายผลตรวจสอบเรื่องการยักยอกเงินร้านค้าสวัสดิการของวัด เนื่องจากพบว่าเงินรายได้ของร้านค้าสวัสดิการวัดมีอยู่ราวๆ 1 ล้านบาทต่อเดือน และเตรียมเข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับสมีแย้ม และนายเอกพจน์คนสนิทในความผิดฐานฟอกเงินพล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า จากข้อมูลสืบสวนพบวิธีการของหมอเตยนำเงินของวัดออกไปใช้ส่วนตัว จะใช้กลอุบายอ้างว่าจะนำไปทำโครงการต่างๆ อาทิ สวนวิปัสสนา หรืออุทยานวัดไร่ขิง แต่ที่ดินต่างๆที่ถูกใช้ทำโครงการเหล่านี้เชื่อว่า ชื่อกรรมสิทธิ์ผู้ครอง ส่วนใหญ่เป็นหมอเตย ตอนนี้ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของสมีแย้มกับหมอเตยว่าเหตุใดทำไม สมีแย้มถึงต้องเชื่อฟังคำสั่งของหมอเตยทุกอย่าง มีอิทธิพลมาก เหมือนกับหมอเตยเป็นผู้กุมบังเหียน เรื่องนี้อาจจะต้องเข้าไปสอบปากคำสมีแย้มในเรือนจำอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าน่าจะกุมความลับ หรือมีอะไรบางอย่างคล้ายกับกรณีสีกาเก็น ส่วนประเด็นชู้สาวตอนนี้ยังไม่พบ สอบถามเจ้าตัวยืนยันว่า เป็นเพียงลูกศิษย์เท่านั้น เริ่มรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2551“สำหรับสมีแย้มจากข้อมูลทราบว่า เมื่อก่อนครองตัวเป็นพระดี มาเจอคนใกล้ชิดเหล่านี้คล้อยตามเหมือนลงเรือผิดลำ หลังเสร็จสิ้นคดีนี้ตำรวจสอบสวนกลางจะลงพื้นที่วัดไร่ขิง เพื่อไปกราบไหว้พระทำบุญฟื้นฟูศรัทธาวัดให้กลับคืนมา และเชื่อว่าหลวงพ่อวัดไร่ขิงยังเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านไม่เสื่อมคลาย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับวัด” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป.ป.ป.คุมตัวนางพชรพร สีเลี้ยง หรือพัศรานุวัตร ผู้ต้องหาที่ 1 นายฉัตรชัย สีเลี้ยง หรืออินทร์มี ผู้ต้องหาที่ 2 ไปยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.-10 มิ.ย. พร้อมคัดค้านการประกันตัว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง วันนี้ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลออกหมายขังก่อนมอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไปสำหรับผู้ต้องหาที่ 1 ถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือรับของโจร สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ถูกดำเนินคดีข้อหา เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต สมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินและเป็นธุระจัดหา โฆษณา ไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นที่วัดไร่ขิงพระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวชิรสุตาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ อ.สามพราน รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ระดมชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียงวัด พระลูกวัด บิ๊กคลีนนิงทำความสะอาดทั้งภายในวัดและบริเวณโดยรอบวัด และให้รื้อสิ่งที่เคยนำมาจัดวาง เช่น เต็นท์หลังคาผ้าใบ ที่เชื่อมต่อกับตัวอาคารออกเพื่อให้ดูโปร่งใสอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่