“ประธานวิปรัฐบาล” ยันคดีความของ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ไม่เกี่ยวเสถียรภาพรัฐบาล เชื่อผลคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจออกมาทางบวกไม่มีอะไรน่ากังวล ขอโฟกัสเข็นร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ผ่านสภาฯวาระแรกให้ได้ มั่นใจพรรคร่วมฯรู้เป็น ก.ม.สำคัญไม่งอแง โบ้ยโชยกลิ่นพรรคร่วมฯซ่อนงบฯเตรียมเลือกตั้งหว่านหัวคะแนนแค่ข่าวลือยุให้ตีกัน “ภูมิธรรม” แซะระดมขุนพลมา 50 หรือ 100 คนก็เชิญ ขอแค่อภิปรายอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่การแสดง “ณัฐชา” ขู่ชำแหละดุเดือด ล็อกเป้ายิงถล่มทุกกระทรวง แฉมีหมกโครงการต่อยอดแต้มต่อการเมือง รับเลือกตั้งปี 70 ฉะ รบ.ประเคนเพิ่มงบฯกลาโหมต่างตอบแทนกองทัพแลกรักษาอำนาจตัวเอง “นายกฯอิ๊งค์” ถกประธาน กก.บริหาร F1 ดึงมาจัดแข่งขันในไทย เข้าเฝ้าฯ “เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2” ปลื้มโมนาโกหนุนการพัฒนาและส่งเสริมโครงการ Formula 1 ในประเทศไทยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) ถูกมองกำลังเผชิญหน้ากับภาวะยากลำบากในการบริหารงาน เพราะมีหลายคดีสำคัญของนายทักษิณ ชินวัตรและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกฯ ทยอยมีผลการตัดสินคดีออกมา ถูกจับตาอาจส่งกระทบกระเทือนมาถึงรัฐบาล ขณะที่การประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ 28-31 พ.ค.มีวาระสำคัญผลกดดันร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 แกนนำ พท.ยังเชื่อมั่นว่าจะผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหา“วิสุทธิ์” ไม่กังวลคดี “ทักษิณ” มุ่งดันงบฯเมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จะเป็นสัญญาณลบไปถึงคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนกรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกันเป็นคนละคดี เมื่อถามว่าหากผลออกมาเป็นลบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจะบริหารประเทศต่อได้หรือไม่ เพราะหลายฝ่ายมองว่านายกฯเหมือนตกเป็นตัวประกัน นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ น.ส.แพทองธารบริหารประเทศไม่ได้มีนายทักษิณหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราเชื่อว่าผลออกมาด้านบวก ไม่มีอะไรน่ากังวล ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่าคือการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ให้ผ่านวาระ 1 เรื่องอื่นยังไม่ได้คิดเลยเจอวิกฤติ ศก.ต้องโฟกัสงบฯผ่านก่อนเมื่อถามว่าสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เหมือนตุลาการภิวัฒน์กำลังทำงานเหมือนช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ทำให้สังคมคิดได้ เขาอาจจะคิดกันอย่างนั้น แต่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องโฟกัสเรื่องงบฯให้ผ่านก่อน เรื่องอื่นไม่ได้คิดเลย ปีที่ผ่านมามีปัญหาส่วนหนึ่งคืองบฯค่อนข้างช้า ฉะนั้นเราอยากให้งบประมาณผ่าน เพราะฉะนั้นโฟกัสทุกอย่างอยู่วันที่ 28-31 พ.ค. เรื่องอื่นไม่ได้กังวล เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับคดีในยุครัฐประหารที่ไม่มีผู้ถูกลงโทษ เช่น กรณีเรือดำน้ำหรือเหมืองทองอัครา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนมองเห็นได้อยู่แล้ว ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทุกคนก็เห็นไม่ใช่พอฝั่งหนึ่งโดนฝั่งหนึ่งไม่โดนแล้วเอนไปตามนั้น ต้องมองความเป็นธรรมดูดีๆ ถ้าไร้ซึ่งความยุติธรรมความสงบสุขมันไม่ค่อยจะเกิดขึ้นออกตัวชะลอเงินหมื่นไปทำอย่างอื่นนายวิสุทธิ์กล่าวว่า การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 วันที่ 28-31 พ.ค. งบฯที่พูดกันมากที่สุดคือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ อะไรไม่จำเป็น ไม่ควรทำก็อย่าทำ อะไรที่เดือดร้อนอย่าทำ บางอย่างเรา เห็นบางอย่างเราต้องช่วยกันตรวจสอบ โดยเฉพาะกรรมาธิการงบฯต้องช่วยกันดูเต็มที่ สื่อต้องช่วยติดตาม อะไรไม่จำเป็นต้องช่วยกัน เพราะประเทศชาติบ้านเมืองไม่ใช่ของคณะใดคณะหนึ่ง ช่วยกันดูแลอย่าให้มีการทุจริต บ้านเมืองเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเสียงสะท้อนการชะลอแจกเงินหมื่น เป็นการชะลอแจกนำเงินไปใช้ด้านอื่น ตอนนี้ทุกจังหวัดที่มีโครงการค้างไว้ ไปทำโครงการ นั้นก่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องตัดสินใจไว อย่าช้าอีก ถ้าไวเม็ดเงินออกไปจะเกิดการจ้างงานทั้งเรื่องน้ำ ถนน และอาชีพ รัฐบาลส่งไปจังหวัดต้องดูแลภาพรวมหลังของบฯไปมั่นใจผ่านทุกพรรครู้ความสำคัญเมื่อถามว่ามีการเชื่อมโยงสงครามขั้วแดง-น้ำเงิน อาจมีการโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 นายวิสุทธิ์ตอบว่า ไม่จริงประชุมวิปฯทุกคนร่วมมือกันดี มั่นใจทุกพรรคเห็นความสำคัญโหวตรับร่างแน่นอน ประเด็นอื่นเป็นเรื่องเล็ก เชื่อว่าไม่มีพรรคไหนเล่นแง่ เท่าที่ทำงานร่วมกันมาได้ขนาดนี้ ทุกคนยืนยันว่าต้องโหวตผ่านงบฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทยยังคุยกันดีอยู่ ที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน บอกว่า พรรคร่วมฯซ่อนงบฯ เตรียมเลือกตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.งบฯจากทุกพรรคต้องช่วยกันตรวจสอบ ไม่มีการซุกงบฯนำไปแจกหัวคะแนน เป็นข่าวลือ มีคนเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ พยายามยุให้ตีกัน แต่ไม่มีใครตีกันท่ามกลางวิกฤติบ้านเมืองหรอก ที่กล่าวหางบฯกลาโหมเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลต้องตอบแทนกองทัพ คงไม่ใช่ฟัง รมว.กลาโหมแล้วมีเรื่องที่ค้างคาอยู่ โดยเฉพาะเรือดำนํ้าที่จ่ายเงินไปส่วนหนึ่งแล้วจะให้ทิ้งไปก็ไม่กล้าทำ“อ้วน” ขอแค่มีเหตุผลไม่ใช่การแสดงที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกล่าวถึงความพร้อมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 หลังพรรค ปชน.เตรียม 50 ขุนพลอภิปรายว่า ไม่มีปัญหาจะเตรียม 50 คน หรือ 100 คน เตรียมไป เป็นหน้าที่ต้องตรวจสอบ แต่อยากให้ตรวจสอบอย่างมีเหตุผล หากมีปัญหาอะไรที่ยังไม่สมบูรณ์วิจารณ์มา หรือมีข้อเสนออะไรเสนอมา รัฐบาลจะรวบรวมไปดูว่าจะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร อะไรที่เป็นการวิจารณ์แบบใช้อารมณ์ ความรู้สึกหรือวิจารณ์ทั่วไปก็รับมาอย่างพึงสังวรณ์ว่ามีเรื่องที่คนเห็นต่าง อยากให้วิจารณ์กันอย่างตั้งใจเต็มที่ ไม่อยากให้เป็นการแสดง อย่าออกนอกกติกาแล้วกันบอก กห.ปรับตัวรับใช้ ปชช.เมื่อถามว่ากระทรวงกลาโหมเป็นเป้าถูกตัดงบฯ จนกระทบปฏิทินการซื้ออาวุธทดแทนมาตลอด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหมจัดงบฯแบบเดิม ต่างฝ่ายต่างมอง แต่เราเข้าใจกันในระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ระดับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงว่าการจัดวางงบฯต้องคุยกันทั้งหมดยุทธศาสตร์แต่ละช่วงเป็นอย่างไร ตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงมีความท้าทายใหม่ๆเกิดขึ้น ตนและ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม คุยกับเหล่าทัพถึงความจำเป็นรับมือภัยพิบัติ รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ภัยธรรมชาติหรือความขัดแย้งในโลก หรือความเกี่ยวพันทางการค้า ความมั่นคงไม่ได้อยู่ในมิติเดิมทุกคนเข้าใจ การปรับแผนงบฯจะมีมากขึ้น กระทรวงกลาโหมอยู่ระหว่างปรับกระบวนการต่างๆให้รับใช้ประชาชนมากขึ้น ทำหน้าที่ปกป้องประเทศให้ดีที่สุด เช่น ภัยธรรมชาติ กลายเป็นภาระที่กลาโหมต้องรับผิดชอบ เพราะมีความพร้อม มีระเบียบวินัยเพียงพอเข้าแก้ไขปัญหาดักคอเวทีงบฯไม่ใช่ที่ประลองกำลังนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่พรรค ปชน.เตรียมขุนพล 40-50 คน อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ว่า การอภิปรายงบฯไม่ควรถูกทำให้กลายเป็นสนามประลองกำลังทางการเมืองระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน เพราะงบฯคือเครื่องมือสำคัญแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ทุกฝ่ายในสภาควรร่วมกันพิจารณาอย่างสร้างสรรค์ พรรค พท.ไม่จำเป็นต้องระดมขุนพลมาแสดงบทบาทชำแหละหรือถล่มกันทางการเมือง แต่มอบหมายให้ สส.ผู้ที่เชี่ยวชาญงบแต่ละด้านอภิปรายเต็มที่ ให้เข้มข้นในเนื้อหาเชิงคุณภาพ ทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองงบฯแทนประชาชน ยึดหลักใช้งบฯอย่างคุ้มค่า โปร่งใส ตอบสนองต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศระยะยาว เป็นโอกาสของบ้านเมืองไม่ใช่เวทีการต่อสู้กันทางการเมือง แต่สะท้อนความรับผิดชอบของผู้แทนฯอย่าทำลายกันจนไม่กล้าคิดนโยบายนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ระบุโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่สามารถหักหนี้กับผลประโยชน์ได้ว่า มองแบบตัดตอนเฉพาะด้านบัญชี ไม่มองมิติเศรษฐกิจและสังคม นโยบายนี้ที่ช่วยเหลือเกษตรกรได้มากกว่า 3.7 ล้านครัวเรือน เงินกว่า 6.8 แสนล้านบาท หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจ ยกระดับรายได้เกษตรกรเป็นรูปธรรม มีเป้าหมายชัด มีระบบตรวจสอบ ทำให้ไทยกลับมาครองตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกได้ในช่วงเวลานั้น การโจมตีนโยบายด้วยวาทกรรมทางการเมืองเพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลักดันนโยบายเปลี่ยนประเทศ ส่งผลให้ในอนาคตพรรคการเมืองไม่กล้านำเสนอนโยบายแบบพลิกประเทศที่คิดใหม่ ทำใหม่ ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาประเทศ อาจได้รัฐบาลที่ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำอะไรเชิงโครงสร้าง จะถูกนำมาเป็นเครื่องมือทำลายล้าง ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินติดหล่ม ขออย่าทำลายบรรยากาศการแข่งขันกันออกความคิดเชิงนโยบายโดยบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองระยะสั้น รัฐบาลที่กล้าผลักดันนโยบาย ไม่ควรถูกทำให้กลายเป็นจำเลยทางการเมืองไม่จบสิ้นทุก จว.รวมโครงการชงของบกระตุ้น ศก.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ ครม.เมื่อวันที่ 20 พ.ค.เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ครอบคลุมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ คมนาคม การท่องเที่ยว การลดผลกระทบส่งออกและเพิ่มผลิตภาพ เศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ หน่วยรับงบฯที่เกี่ยวข้องต้องเสนอโครงการผ่านรองนายกฯ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแล เสนอตามขั้นตอนกลั่นกรองและเสนอต่อสำนักงบฯคราวเดียวกันด้วยภายในเดือน พ.ค.68 เพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีหนังสือแจ้ง ผวจ.ทุกจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ อปท.เตรียมเสนอโครงการและคำของบฯ โดยรวบรวมและจัดส่งมายังสำนักกระทรวงมหาดไทยภายในวันที่ 26 พ.ค.ยึดถือหลักเกณฑ์เคร่งครัด เพื่อกลั่นกรองตามกรอบเวลา ให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจมากที่สุด รองรับผลกระทบเศรษฐกิจโลกอย่างมีประสิทธิภาพ“ณัฐชา” ชี้งบฯ 69 ดุเดือดล็อกยิงทุกเป้านายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคปชน.ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 69 ว่า เราโปรยสโลแกนไว้แล้วว่ารอบนี้เราช่วยหาเงินให้รัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะรัฐบาลวางกรอบวงเงินงบประมาณไว้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน พรรค ปชน.ได้ล็อกเป้าการอภิปรายทุกกระทรวง ยิงทุกกระทรวงแน่นอน เพราะเห็นชัดว่าพรรคร่วมรัฐบาล ทำกันไปคนละทิศคนละทาง เริ่มชิงไหวชิงพริบ ชิงความโดดเด่น เพราะมีสัญญาณที่อาจรับรู้ได้ว่าใกล้จะมีการเลือกตั้งใหม่แล้ว แต่ละพรรคเริ่มใช้กลไกกระทรวงตัวเองไปในทิศทางการหาเสียงล่วงหน้า ดุเดือดแน่นอน พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มสั่นคลอน กระทบกระทั่งกันบ้างแล้ว จึงเชื่อว่าการอภิปรายงบฯครั้งนี้ทั้ง 4 วัน จะทำให้ประชาชนเห็นภาพที่ชัดขึ้นว่ารัฐบาลจะไปต่อได้อีกไกลแค่ไหน และกรอบวงเงินงบฯปี 69 ซ่อนโครงการอะไรอยู่ไว้ใช้ เป็นแต้มต่อทางการเมืองสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ฉะเพิ่มงบฯ กห.ต่างตอบแทนกองทัพเมื่อถามว่างบฯของกระทรวงกลาโหมและด้านความมั่นคงปีนี้เพิ่มมากขึ้น นายณัฐชากล่าวว่า น่าจะเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน เพราะเห็นได้ชัดว่านายกฯถ้าไม่พึ่งทหารหรือกองทัพ คงไม่มีวันนี้ ประโยชน์ต่างตอบแทนเดียวที่ทำได้คือแลกเปลี่ยนเรื่องงบฯ ไม่ตรงกับความต้องการประชาชน เห็นได้ชัดว่าความต้องการของประชาชนจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ที่เป็นปัญหาเยอะแยะมากมาย แต่การอนุมัติวงเงินงบฯอันดับหนึ่งกลับกลายเป็นการต่างตอบแทนเพื่อให้ตัวเองได้มาซึ่งอำนาจ ทำให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ส่งผลพวงและผลกระทบมาเป็นวงกว้างต่อเนื่องมาจนถึงปี 2569 ด้วย“นายกฯอิ๊งค์” เดินหน้าดึง F1 มาไทยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.30 น. วันที่ 23 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ณ เมืองมอนติคาร์โล ราชรัฐโมนาโก ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ที่สนามแข่งขันโมนาโกกรังด์ปรีซ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้เข้าหารือกับนายสเตฟาโน โดเมนิกาลี (Stefano Domenicali) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท Formula One Group (F1) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการจัดการแข่งขัน F1 รูปแบบในเมือง (City Circuit) ในประเทศไทย พร้อมเยี่ยมชมสนามแข่งขันและร่วมรับชมการฝึกซ้อมของนักแข่ง F1 โดยเวลา 23.50 น.วันที่ 23 พ.ค.ตามเวลาประเทศไทย น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ มีเนื้อหาสรุปว่า อีกหนึ่งก้าวสำคัญและข่าวดีของคนไทยกับการจัดการแข่งขัน F1 ในไทย เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักตัวหนึ่งของไทยคือการท่องเที่ยว รัฐบาลกำลังยกระดับปักหมุดหมายทำให้การท่องเที่ยวของเราขยายกว้าง ไม่ใช่แค่เที่ยวตามฤดูกาล แต่เป็นการท่องเที่ยวแบบ Man Made Destination ที่สร้างขึ้นมารองรับการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ หนึ่งในแผนงานคือการดึงอีเวนต์ระดับโลกเข้ามา การแข่งขัน F1 คือหนึ่งในนั้น การจัด F1 ในไทยสิ่งที่จะเกิดตามมาคือการลงทุนครั้งใหญ่ ตั้งแต่การปรับปรุงถนนให้รองรับการแข่งขัน สร้างอัฒจันทร์-แพดด็อก การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้าน Electronic & Digitalตีปี๊บเป็นโอกาสใหม่ๆเพิ่มจ้างงาน“ทั้งหมดนี้จะเกิดการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งหมดนี้คือโอกาสที่อาจเกิดในไทย ได้หารือกับนายสเตฟาโน โดเมนิกาลี ถึงความคืบหน้าเรื่องความเป็นไปได้ของสนามแข่งในไทย รวมถึงโพรเซสอื่นๆ ของการทำงานร่วมกันระหว่าง F1 และทีมไทยแลนด์ ได้อัปเดตถึงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย ที่กำลังดำเนินการรวมถึงศึกษารายละเอียด ข้อจำกัด และโอกาสใหม่ๆ ที่จะเป็นไปได้ในการจัด F1 ในไทย ที่สนามนี้ได้มีโอกาสเจอกับคุณอเล็กซ์ (นายอเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์) และคุณเติ้น (นายทัศนพล อินทรภูวศักดิ์) นักขับชาวไทย ทั้งสองฝากยืนยันถึงพี่น้องชาวไทยว่า พร้อมกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อประชาสัมพันธ์ ผลักดัน ทำให้คนไทยรู้จักกีฬานี้มากขึ้น สร้างบรรยากาศแห่งการกีฬา และร่วมสร้างนักขับชาวไทยรุ่นใหม่ๆเข้าสู่วงการ F1”นายกฯระบุซาบซึ้งโมนาโกสนับสนุนต่อเนื่องจากนั้น น.ส.แพทองธารได้เข้าเฝ้าฯเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก ต่อมาเวลา 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ มีเนื้อหาสรุปว่าซาบซึ้งที่ได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก แลกเปลี่ยนทัศนะอย่างรอบด้านเกี่ยวกับศักยภาพเชิงยุทธศาสตร์ของการแข่งขัน Formula 1 ในฐานะกลไกส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีและความยั่งยืน ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความซาบซึ้งต่อการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของโมนาโก ที่มีต่อการพัฒนาและส่งเสริมโครงการ Formula 1 ในประเทศไทย ประสบการณ์และบทบาทความเป็นผู้นำของโมนาโก ในการผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ เป็นแบบอย่างที่มีคุณค่าสำหรับประเทศไทย ประเทศไทยเชื่อมั่นว่าการจัดการแข่งขัน Formula 1 ในอนาคตจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกิจกรรมระดับโลก พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลก“เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2” จ่อมาเยือนไทยนอกจากนี้เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ทรงรำลึกถึงการเสด็จฯเยือนประเทศไทยในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยได้ตรัสถึงความซาบซึ้งในไมตรีจิตและการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ได้รับ ทั้งนี้ เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จฯเยือนประเทศไทยอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ เป็นการตอกย้ำสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและความเคารพซึ่งกันและกันที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างไทยกับโมนาโก“ภูมิธรรม” ปรับแผนยุทธศาสตร์ จชต.เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกฯ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พบปะหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ ผู้ประกอบการ ภาคประชาสังคมในพื้นที่ โดยนายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการฟังผู้ปฏิบัติงานโดยตรง ปัญหาในพื้นที่ละเอียดอ่อน มีปัญหาสลับซับซ้อน เป็นการรับฟังครั้งสุดท้ายในเฟสแรก น่าจะมีข้อสรุปอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น คิดไว้หมดแล้วว่าจะใช้กลไกอะไรบ้าง การแก้ไข ปัญหาเศรษฐกิจจะออกมาเป็นรูปแบบใด แต่เนื่องจากยังย้อนแย้งกับความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน แม้ก่อนหน้านี้จะมีการพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านความมั่นคงแล้ว แต่ยัง ไม่ใช่ความเห็นทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน หากทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันแล้วต้องนำยุทธศาสตร์มาพูดคุยกันอีกครั้ง มายด์เซตที่สำคัญต้องมองยุทธศาสตร์และปัญหาบินต่อถกสุดยอดผู้นำอาเซียนนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนสหราช อาณาจักรและราชรัฐโมนาโก นายกฯเดินทางออกจากราชรัฐโมนาโกช่วงเย็นวันที่ 24 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่นที่ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิช่วงบ่ายวันที่ 25 พ.ค. จากนั้นเวลา 18.30น. นายกฯจะออกเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 46 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมอาเซียนเช้าวันจันทร์ที่ 26 และวันที่ 27 พ.ค. ภายใต้แนวคิดหลัก “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงและความยั่งยืน” (Inclusivity and Sustainability) โดยนายกฯจะเข้าร่วมการประชุมในกรอบอาเซียน 7 รายการและเข้าร่วมการประชุม IMT-GT (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle) ระดับผู้นำ ครั้งที่ 16 สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ผู้นำอาเซียนจะร่วมกันรับรองวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี ค.ศ.2045 ซึ่งจะใช้ขับเคลื่อนประชาคมอาเซียนในอีก 20 ปีข้างหน้าอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่