รองนายกฯ และ รมว.คลัง พิชัย ชุณหวชิร บอกกับสื่อว่า ประเทศ ไทย กำลังจะมีข่าวดี ผลจากการเจรจาทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่มีแนวโน้มประนีประนอมมากขึ้น จีนลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯเหลือร้อยละ 10 สหรัฐฯลดภาษีนำเข้าในจีนร้อยละ 30 ภายในระยะเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นข้อตกลงในเบื้องต้น ประกอบกับ รมว.คลังสหรัฐฯ สกอตต์ เบสเซนต์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อภายหลังจากการร่วมงานส่งเสริมการลงทุนที่ ซาอุดีอาระเบีย ประเทศเป้าหมายในตะวันออกกลางที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนว่าได้รับข้อเสนอเงื่อนไขข้อตกลงทางการค้าจากหลายประเทศ รวมทั้งไทยด้วย ซึ่ง รมว.คลังไทยถือว่าเป็นสัญญาณบวก และยืนยันว่า รมว.พาณิชย์ พิชัย นริพทะพันธุ์ ได้ยื่นข้อเสนอถึงสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือ USTR ไปแล้วตั้งแต่ต้นเดือน เลยไปทึกทักเอาว่าไทยอาจได้รับอานิสงส์ อาจจะเสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯไปไม่เกิน 10% ซึ่งถ้าฟัง รมว.คลังสหรัฐฯ พูดถึงน่าจะหมายความว่ามีประเทศไหนบ้างที่ส่งข้อเสนอในการเจรจามาบ้างแล้วเท่านั้นเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อ ประกอบด้วยไทยจะเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัดผ่านการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า และส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมี นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทยกับ พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เดินทางไปกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ เพื่อร่วมงาน USA Investment Summit ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับการเจรจาภาษีนำเข้าโดยตรง เช่นเดียวกับกรณีที่ รมว.คลัง และ รมว.พาณิชย์ เคยเดินทางไปสหรัฐฯที่ผ่านมาก็เป็นการเดินทาง ไปร่วมงานการส่งเสริมการลงทุนของ บีโอไอ ไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีนำเข้าและตามที่สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆในเชิงยุทธศาสตร์ แบ่งเป็นประเทศพันธมิตรกับสหรัฐฯ ประเทศที่สหรัฐฯต้องการจะปักหมุด และประเทศที่ไม่ใช่เป้าหมาย ระบุมีประเทศในเอเชียที่ได้คิวเข้าหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯแล้วหลายประเทศ อาทิ ไต้หวัน อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย สปป.ลาว ส่วนไทยยังไม่อยู่ในลิสต์รายชื่อ เพียงแค่มีการพูดถึงจาก รมว.คลังสหรัฐฯเท่านั้นเองการที่ผู้นำสหรัฐฯไปเยือนกาตาร์ และได้มีข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ อาทิ กาตาร์ตกลงจะซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ นับร้อยลำ หรือการที่ ผู้นำสหรัฐฯ ไปเจรจาขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับ ซาอุดีอาระเบีย หรือการที่ผู้นำจีน สี จิ้นผิง เดินสายพบผู้นำประเทศต่างๆทั้งในยุโรปและเอเชีย แล้วไปนัดเจรจาภาษีการค้ากันที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนเป็นผลสำเร็จ ไปสู่คำถามที่ว่า ความจริงคืออะไร และรัฐบาลได้บอกความจริงอะไรกับคนไทยบ้างจะแดง จะน้ำเงิน จะคดีฮั้วเลือก สว. คดีอั้งยี่ซ่องโจร ฟอกเงิน จะดีเอสไอ กกต. จะคดีชั้น 14 หรือจะกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดใช้อำนาจในการบังคับบัญชา ดีเอสไอ ซึ่งอาจจะเลยเถิดไปถึงการถอดถอน รมว.ยุติธรรมออกจากตำแหน่ง คดีคุณสมบัติ พีระพัง ถลำลึกไปทุกที ตึก สตง.ถล่มก็ซับซ้อนเพราะประเทศไทยไม่มีใครกล้าพูดความจริง (ไม่ยอมรับความจริง)หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม