ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป พอชิงเหลี่ยมได้ก็เดินหน้าลุยลูกเดียวหันมาอีกทีก็เลยโดนสวนถึงอก เห็นจะเหนื่อยแหละครานี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องคดีที่ สว.ได้ยื่นคำร้องให้สอบส่วนกรณีที่ดีเอสไอแทรกแซงการทำหน้าที่ของ กกต.กรณีการเลือกตั้ง สว.ระบุระดับรัฐมนตรี 2 ท่านซึ่งรับผิดชอบ1. “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดูแลกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ถูกร้องที่ 12. “ทวี สอดส่อง” รัฐมนตรียุติธรรมซึ่งรับผิดชอบดีเอสไออยู่แล้ว เป็นผู้ถูกร้องที่ 2ปรากฏศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่พบพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหาจึงพ้นผิดไป แต่ผู้ถูกร้องที่ 2 นั้นพบว่ามีพฤติกรรมตามข้อกล่าวหาจริงจึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมดูแลดีเอสไอและรองคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ทั้งนี้ จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่นเป็นคำสั่งของศาลในอีกรูปแบบหนึ่งที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งออกมานั้น ใครต่อใครคงคิดว่า สว. (น้ำเงิน) กลุ่มนี้คงโดนแน่เพราะอะไรต่อมิอะไรเป็นไปได้ทั้งหมดที่บรรดา สว.ชี้ว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจเข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะเป็นเรื่องของ กกต. ซึ่งว่าด้วยการเลือกตั้งแต่ก็แก้ปัญหาไปได้ เพราะดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบอำนาจของ กกต. ไม่ได้ทำโดยพลการจนสามารถออกใบเรียก สว. มาอยู่ในบัญชีที่ดีเอสไอสอบพบว่าร่วมกระทำผิดจริงขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยเข้าให้ปากคำและแก้ต่างข้อกล่าวหา“ทวี สอดส่อง” หากย้อนกลับคงเห็นภาพแล้วว่าได้แสดงท่าทีที่จะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้มาก คงเป็นเพราะรับผิดชอบโดยตรงแต่อีกด้านหนึ่งก็ทะลุทะลวงทั้งจี้คดี ทั้งแสดงความคิดเห็นมาเป็นพิเศษ พูดง่ายๆว่าแสดงตัวมากเป็นพิเศษต่างกับคดีอื่นๆ อย่างเช่นกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นต้นไม่ต่างกับมี “ใบสั่ง” พิเศษ หรือรับงานมาจากใครกันแน่โดยเฉพาะที่พูดกันมากคงหมายถึง “นายใหญ่” ค่ายสีแดงความจริงแล้วเรื่องนี้ต่างก็ทราบดีว่าเป็น “เกมต่อรอง” ระหว่าง “แดง”-“น้ำเงิน” ไม่ใช่ประเด็นทั่วๆไปที่ลืมกันก็คือ...“ทักษิณ” ถือตั๋วพิเศษได้แล้ว 140 สว.ชุดนี้จะมีตั๋วพิเศษบ้างไม่ได้หรือ?พูดง่ายๆว่าต่างฝ่ายต่างก็มี “ของดี” ที่รับประกันการดำรงอยู่เพราะ 140 สว.ชุดนี้พูดกันว่าได้มอบให้ผู้มากบารมีของประเทศไปแล้ว แสดงให้เห็นว่ามี “เจ้าของ” ที่เหนือกว่าค่ายสีน้ำเงินอีกที่สำคัญคือเป็นฐานอำนาจหลักของฝ่ายอนุรักษนิยมมาแทนที่ สว.ชุดที่ คสช.แต่งตั้งแต่พ้นจากหน้าที่ไปแล้วเพราะครบวาระการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “ทวี สอดส่อง” หยุดปฏิบัติหน้าที่ดูแลดีเอสไอ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นเพราะยังมีอีกหลายมาตรการที่จะชี้ให้เห็นว่าการดำเนินการของดีเอสไอและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนั้นเล่นผิดกระบวนท่า!อยู่ว่าจะมีความผิดโทษหนักโทษเบาเท่านั้น ถ้าเบาก็คงเป็นเพราะไม่ได้เจตนา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์แต่ถ้าโทษหนักก็แสดงว่ามีเจตนาที่จะล้ม สว.ชุดนี้อาจถึงขั้นผิดจรรยาบรรณแทรกแซงหน่วยราชการอื่น!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม