คดีการเมืองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย คดีชั้น 14 คดีฮั้ว สว. คดี 44 อดีต สส.ก้าวไกลลงชื่อแก้กฎหมายอาญา ม.112 ซึ่งจะมีผลต่อ สส.และพรรคการเมืองโดยตรง ส่วนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามวิถีประชาธิปไตยในระดับไหน ลาออก ยุบสภา หรือนอกวิถีประชาธิปไตย การปฏิวัติรัฐประหาร ยังเป็นเรื่องของอนาคต เงื่อนไขอยู่ที่การเจรจาระหว่างผู้มีอำนาจการตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมืองที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ในจำนวนพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไทยมี สส.เป็นอันดับหนึ่ง ภูมิใจไทยมี สส.เป็นอันดับสอง เป็นองค์ประกอบสำคัญในการร่วมรัฐบาลผสม ไม่ว่ามีความเคลื่อนไหวจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ย่อมมีผลต่อการเมืองในปัจจุบัน ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พร้อมที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการเมืองทางใดทางหนึ่งปรากฏว่าในจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลจากพรรคอนุรักษ์เดิม มีพรรคการเมืองที่ถูกจับตาคือ พรรคภูมิใจไทย ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค และพรรคน้องใหม่ พรรคกล้าธรรม ที่มี นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ทั้งสนามเลือกตั้งซ่อมและสนามเลือกตั้งท้องถิ่นในพื้นที่เป้าหมาย ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสานหรือจะเป็นภาคตะวันออก พรรคกล้าธรรม ช่วงชิงเอาชนะเจ้าของพื้นที่ได้ตามเป้าหมาย ข่าวล่าสุดที่ออกมามี สส.พรรคประชาชน จ.ชลบุรี แสดงความจำนงที่จะเข้ามาร่วมงานกับ พรรคกล้าธรรม มีการออกมาเปิดโปงข้อเสนอในการย้ายพรรคจากแกนนำพรรคประชาชนพอหอมปากหอมคอในขณะที่ สส.ที่ประสงค์จะย้ายพรรคก็แถลงถึงเหตุผลในการทำงานร่วมกับพรรคประชาชน มีอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกันแต่ประเด็นที่สังคมจับตา คือ การเติบโตของพรรคกล้าธรรม ที่แยกตัวมาจาก พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันมีแกนนำหลายคนทยอยลาออกเรื่อยๆ ล่าสุดก็สี่กุมาร สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และ อุตตม สาวนายน ลาออกจากสมาชิกพรรคไปเรียบร้อย โฟกัสไปที่บทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ในการทำหน้าที่เป็นผู้จัด (ผู้จัดการรัฐบาล) ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจนถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในพื้นที่การเมืองที่ เพื่อไทย เข้าไม่ถึง แต่ ผู้กองธรรมนัส เข้าถึงทะลุทะลวงได้ทุกพื้นที่จนเป็นที่จับตาว่า กล้าธรรม เป็นสาขาของเพื่อไทย แม้หัวหน้าพรรคจะออกมายืนยันว่า เป็นพรรคอิสระไม่ขึ้นกับใคร มีแนวทางการเมืองของตัวเองก็ตามการเมืองแปลว่ากลุ่มผลประโยชน์ ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน อย่าไปจริงจังว่ากันว่า กล้าธรรมมี สส.ที่เป็นรูปธรรมในสภาถึง 35 คน ในจำนวนนี้ สส.จากพรรคประชาชนถูกโฟกัสมากที่สุด เป็นขาขึ้นของกล้าธรรม ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าเพื่อไทยและประชาชนอยู่ในช่วงขาลง สองพรรคขับเคี่ยวกันมาตลอด ผลจากนิติสงครามทั้งสองพรรคจะไปต่อแบบสมบูรณ์คงลำบาก เพื่อไทยต้องอาศัยบ้านใหญ่และคนเสื้อแดงที่มีขึ้นมีลง พรรคประชาชนต้องอาศัยหัวคะแนนธรรมชาติที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความอ่อนไหวการเมืองที่เปลี่ยนแนวรบ พรรคอันดับสอง อันดับสาม จึงเป็นผู้กำหนดทิศทางการเมืองที่แท้ทรู.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม