การหารือ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำโดย รมว.คลังสหรัฐฯ และ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจของจีน ฉายภาพ สงครามการค้าโลก ที่สร้างความปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้ ต้องยอมรับว่า หมากเกมนี้ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ธรรมดา ตบจูบ เขี่ยเกมการค้าโลกมาอยู่ในกำมือ สุดท้าย จีนกับสหรัฐฯคือผู้ชนะในเกม ส่วนประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะ ประเทศที่กำลังพัฒนา ต้องหาทางดิ้นรนเอาตัวรอดไปตามสถานการณ์ การพึ่งพาในระดับภูมิภาค ถูกครอบงำโดยสองประเทศมหาอำนาจ ไม่มีข้อตกลงใดๆที่จะเกื้อหนุนกันได้นอกจากจะช่วยตัวเอง ข้อตกลงทางการค้าใหม่เก่า ไม่ต่างจากของสะสมที่แต่ละประเทศกอดเอาไว้หลอกกันเองทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา คือ การกำจัดจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้จัก รัดเข็มขัด น้อมนำ วิถีของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต พึ่งพาตัวเองและจะกลายเป็นจุดแข็งจากภายในสู่ภายนอกได้วิถีการใช้ชีวิตแบบพอเพียงในประเทศที่กำลังพัฒนา ความเหมาะสมมากที่สุดคือการมีวิถีชีวิตแบบเกษตรกรรม แม้ว่าเศรษฐกิจปัจจุบันจะโตด้วยเทคโนโลยีและเอไอก็ตาม แต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตมากที่สุดก็คือ อาหาร ไม่ใช่เทคโนโลยี เพียงแต่จะสร้างคุณค่าหรือความสำคัญของอาหารได้อย่างไรเท่านั้นการปรับเปลี่ยน วิถีชีวิต ให้สอดคล้องกับ วิถีเกษตรกรรม ในบ้านเราไม่ใช่เรื่องยาก อดีตประเทศไทยเคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว เพียงแต่ต้องเพิ่มทักษะให้ความรู้ที่ทันสมัยเข้าไปเท่านั้นก็จะสามารถต่อยอดได้เริ่มต้นจาก ดิน เป็นหัวใจสำคัญในการทำการเกษตรทุกชนิด ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการผลิต เนื่องจากประเภทของดินที่แตกต่างกันไป แบ่งตามลักษณะของเนื้อสัมผัส ได้แก่ ดินร่วน ดินทราย และดินเหนียว ประกอบด้วย ค่าความเป็นกรดด่าง ทำให้เกิดดินเปรี้ยว ดินเค็ม ดินดี เป็นต้น ดินที่มีค่าเป็นกรดด่างที่เป็นกลางจะมีความเหมาะสมในการเพาะปลูกมากที่สุดผอ.สถานีพัฒนาที่ดินลพบุรี มหิธร ภูติโส อธิบายเอาไว้ ดินในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันตามถิ่นกำเนิด เช่นดินที่ จ.ลพบุรีจะมีปัญหาดินด่างถึงร้อยละ 70 ของจังหวัด เกิดจากการทับถมของหินปูนดินชั้นบนจะเป็นดินเหนียว ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงคุณภาพของดิน โดยสถานีพัฒนาที่ดินลพบุรีได้ดำเนินโครงการ Zero Waste ซึ่งมี กฤษณะ ศิริมานพ หมอดินอาสาประจำ ต.ห้วยหิน อ.ชัยบาดาล และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และอ้อยเข้าโครงการทดลองนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเป็นปุ๋ยหมักลดต้นทุนการผลิต ในขณะเดียวกันก็นำเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดินมาพัฒนาดินควบคู่ไปด้วย ใช้เวลา 3 ปี พบว่าดินอุดมสมบูรณ์ขึ้น ลดต้นทุนการผลิตได้เพิ่มขึ้น สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรหมดหนี้สิน ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับเกษตรกรไทยอีกทาง.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม