กลายเป็น 2 ข่าวใหญ่สะท้อนปัญหาเดียวกันเกี่ยวกับ “วิกฤติงานสอบสวน” วงการตำรวจไทย ข่าวแรกข้อเสนอแก้ไข ป.วิ.อาญา ออกหมายเรียก หมายค้นหรือหมายจับ ผ่านความเห็นชอบอัยการก่อนเสนอขอศาลอัยการควบคุมการสอบสวนส่วนภูมิภาคให้ ผวจ.มีสิทธิให้ความเห็นแย้งเมื่ออัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ข่าวที่สอง พนักงานสอบสวนขาดแคลนระดับวิกฤติ งานล้นมือ จนทำให้เกิดภาวะเครียดป่วย หมดแรงจูงใจทำงานระบบสอบสวนกำลังล่มสลายสองข่าวเล็กๆในสังคมสะท้อนปัญหาใหญ่เพราะเป็นเรื่องและมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน ย้อนกลับไปปี 2559 รัฐบาล คสช. ยกเลิก “แท่งพนักงานสอบสวน” ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีเส้นทาง ก้าวหน้าสายงานสถานการณ์ยิ่งแย่ลง เมื่อมีปัญหาสะสม ค่าตอบแทนในการทำสำนวนน้อย ไม่พอเลี้ยงชีพ ขาดผู้ช่วย เครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น คดีออนไลน์เพิ่มขึ้นมหาศาล ปี 2566-2567 เฉลี่ยวันละ 800 คดีรวมปีละเกือบ 300,000 คดี พนักงานสอบสวนหนึ่งคนรับผิดชอบคดี 200-500 คดีต่อปี ทั้งที่มาตรฐานควรไม่เกิน 70 คดีมีตำแหน่งพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ 18,000 ตำแหน่ง แต่มีคนทำงานจริง 12,000 คน ขาดแคลนถึง 6,000 คน ผลที่ตามมาคือ ขบวนการสอบสวนล่าช้า ประชาชนวิ่งเต้นสื่อหรือ Influencer ให้คดีเดินหน้าส่งผลโดยตรงกับ ความเชื่อมั่นในตำรวจไทย ถดถอยลงมาอย่างน่ากังวลพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ย้ำว่า “อุปสรรคสำคัญคือ “งบประมาณ” ที่ไม่เพียงพอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำได้แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายผลักดันและสนับสนุนจริงจัง ถ้าพนักงานสอบสวนยังทำงานหนักเกินมนุษย์ ค่าตอบแทนน้อย ขาดขวัญกำลังใจ ต่อให้เปลี่ยนโครงสร้างกฎหมายแค่ไหนไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้ประชาชนได้”เรียกร้องรัฐบาลเห็นใจสนับสนุนงบประมาณและกำลังคนจริงจัง.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม