พระคาร์ดินัล 133 รูป ร่วมประชุมลับ “คอนเคลฟ” ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปา ประมุขแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก พระองค์ใหม่ องค์ที่ 267 ท่ามกลางคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกเฝ้ารอผลอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีพระคาร์ดินัลจากอิตาลีและจากฟิลิปปินส์เป็นตัวเต็งขึ้นดำรงตำแหน่งคริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกต่างเฝ้ารออย่างใจจด ใจจ่อ ในผลการเลือกตั้งพระสันตะปาปา ประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกพระองค์ใหม่ สืบต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่สิ้น พระชนม์ไปเมื่อ 21 เม.ย.ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ถึงบรรยากาศการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นองค์ที่ 267 ว่า มีคณะพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี จำนวน 133 รูป จากทั้งหมด 70 ประเทศทั่วโลกนับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ร่วมทำพิธีมิสซาเพื่อเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ นำโดยพระคาร์ดินัลจิโอวานนี บัตติสตา เร อายุ 91 ปี หัวหน้าคณะพระคาร์ดินัล เป็นผู้นำในการประกอบพิธี ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 15.00 น.ของประเทศไทย มีคริสต์ศาสนิกชนจากทั่วสารทิศ เดินทางมาชมการถ่ายทอดสด ระหว่างการประกอบพิธีมิสซา ที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกันต่อมาคณะพระคาร์ดินัลร่วมประกอบพิธีภาวนาที่โบสถ์น้อยเปาลินา นครรัฐวาติกัน ในเวลาประมาณ 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ระหว่างนั้นมีการตัดสัญญาณโทรศัพท์ทั่วนครรัฐวาติกันในเวลาประมาณ 15.00 น. มีการเก็บเครื่องมือการสื่อสารทุกชนิด ของคณะพระคาร์ดินัลเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก จากนั้นคณะพระคาร์ดินัลเดินทางไปที่โบสถ์น้อยซิสทีน ที่ใช้ในการเลือกพระสันตะปาปา พระองค์ใหม่ในเวลา 16.30 น. เพื่อการคอนเคลฟ หรือประชุมลับสรรหาคัดเลือกผู้เหมาะสมในเวลาประมาณ 17.30 น. โดยไม่มีการถ่ายทอดสดให้ชม ภายในมีเพียงคณะพระคาร์ดินัลเท่านั้น ยกเว้นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรับใบคะแนนโหวตจากพระคาร์ดินัลที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เช่น มีอาการป่วยหรือไม่สามารถเดินได้สำหรับวันแรกของการประชุมลับ มีการลงคะแนนเพียงรอบเดียวในช่วงเย็น ทั้งนี้ ผลการเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ จะปรากฏในรูปแบบของควัน (จากการเผาบัตรลงคะแนนเสียง) ที่ลอยออกจากปล่องไฟเหนือโบสถ์น้อยซิสทีน เพื่อแจ้งให้สาธารณชนทราบในเวลาประมาณ 19.00 น. หากมีผู้ได้รับคะแนน 2 ใน 3 หรืออย่างน้อย 89 เสียงจากทั้งหมด 133 เสียง จะมีควันลอยออกมาเป็นสีขาว เท่ากับว่าได้สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มีผู้ใดได้รับเลือก ควันจากปล่องไฟจะลอยออกมาเป็นสีดำ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใดได้รับเลือกในวันแรกในการลงคะแนนเสียงเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ในวันถัดมา ที่จัดขึ้นทั้งหมดวันละ 4 ครั้ง แบ่งเป็นรอบเช้า 2 ครั้ง รอบบ่าย 2 ครั้ง ดำเนินไปจนกว่าจะได้ผู้ที่เหมาะสม โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา แต่หากการลงคะแนนผ่านพ้นไปแล้วถึง 21 ครั้ง ยังไม่สามารถเฟ้นหาสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ได้ คณะพระคาร์ดินัลต้องลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกระหว่างพระคาร์ดินัลที่ได้รับคะแนนสูงสุด 2 องค์ในรอบก่อนหน้า ผู้ใดที่ได้รับคะแนน 2 ใน 3 เท่ากับว่าได้รับเลือกให้เป็นประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก องค์ที่ 267ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า หลังจากที่คณะพระคาร์ดินัลทั้งหมด 133 รูปจาก 70 ประเทศทั่วโลกได้มีการพบปะ แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ร่วมกัน ก่อนถึงกำหนดการคอนเคลฟ นับแต่วันที่ 28 เม.ย. สิ่งหนึ่งที่คณะพระคาร์ดินัลเห็นพ้องต้องกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ควรมี คือ ความสามารถในการเป็นสะพานเชื่อมโยงและนำทางให้แก่มนุษยชาติที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆในโลกสำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งรอยเตอร์ของอังกฤษ เดอะการ์เดียนของอังกฤษ เอพีของสหรัฐฯ และนิตยสารไทม์ ยังประเมินตัวเต็งลำดับต้นๆที่มีโอกาสได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ได้แก่ พระคาร์ดินัลเปียโตร พาโรลิน อายุ 70 ปี จากอิตาลี ผู้ประกอบหน้าที่ด้านการต่างประเทศของนครรัฐวาติกัน ตั้งแต่ปี 2556 มีแนวคิดสายกลาง เรียกร้องสันติภาพ สื่อท้องถิ่นอิตาลีระบุว่า พระคาร์ดินัลเปียโตร พาโรลิน เป็นเหมือนผู้สืบทอดของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นอกจากนี้ยังมองว่า พระคาร์ดินัลมัตเตโอ ซุปปี อายุ 69 ปีจากอิตาลี ผู้มีแนวคิดเชิงบวกต่อกลุ่ม LGBT และมีความใกล้ชิดกับโป๊ปฟรานซิส ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์หลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าเป็นตัวแทนเดินทางไปยูเครน หรือเป็นตัวแทนไปเข้าพบกับนายโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีโอกาสได้รับเลือกเช่นกันขณะเดียวกัน พระคาร์ดินัลปิแอร์บัตติสตา พิซซาบัลลา อายุ 60 ปี จากอิตาลี ตัวเต็งดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาที่อายุน้อยสุด ยังได้รับความนิยมจากชาวอิตาลี โดยเป็นผู้ยึดแนวทางการประนีประนอม เคยปฏิบัติหน้าที่ในอิสราเอล ปาเลสไตน์ จอร์แดนและไซปรัส ยังเป็นที่ทราบกันว่ามีความสามารถในการเชื่อมความสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจแก่ผู้คนในภูมิภาคตะวันออกกลาง ถัดมาคือ พระคาร์ดินัลปีเตอร์ เออร์โด อายุ 72 ปี จากฮังการี อดีตประธานสภาบิชอปแห่งยุโรป ผู้มีแนวคิดสายอนุรักษนิยม ต่อต้านการหย่าร้างและการแต่งงานใหม่ รวมถึงสามารถสื่อสารได้หลายภาษาทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี รัสเซียและสเปนรวมถึงยังมีตัวเต็งจากเอเชีย คือ พระคาร์ดินัลหลุยส์ อันโตนิโอ ทาเกิล หรือชิโต อายุ 67 ปี จากฟิลิปปินส์ ผู้ทรงมีแนวคิดเสรีนิยมใกล้เคียงกับโป๊ปฟรานซิส เคยวิพากษ์วิจารณ์แสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวคิดอนุรักษนิยมโดยเฉพาะเรื่องการไม่ยอมรับหญิงที่ท้องก่อนแต่ง หรือชาวคริสต์คาทอลิกที่หย่าร้างหรือแต่งงานใหม่ ซึ่งหากได้รับเลือกจะถือเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาจากภูมิภาคเอเชียพระองค์แรกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่