ในช่วงนี้มีผลไม้ประจำฤดูกาลหลากหลายมากมาย นอกจากมะม่วงและทุเรียนที่หลายคนรอคอยแล้ว “สับปะรด” เป็นผลไม้ประจำฤดูกาลนี้เช่นกัน ช่วงนี้เลยอยากนำผักผลไม้ในฤดูกาลมาปรุงอาหาร ซึ่งเมนูอาหารไทยโบราณหลายเมนูได้นำผลไม้มาปรุงเป็นอาหารคาวกับข้าวที่สุดแสนอร่อย ซึ่ง “สับปะรด” เป็นหนึ่งในผลไม้ที่ถูกนำมาปรุงเป็นอาหารคาวที่อร่อยหลากหลายเมนูเลยทีเดียวคุณโจ๊ก-พุทธพงษ์ เพียรเจริญ เจ้าของร้าน อิง สยาม (Ing Siam) by พุทธพงษ์ ร้านอาหารไทยประยุกต์ ใกล้สะพานพระราม 5 อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นหนึ่งคนที่มีเสน่ห์ปลายจวัก โดยเฉพาะอาหารไทยโบราณซึ่งเมนูหนึ่งที่ขึ้นชื่อของที่ร้านอิง สยาม ฝีมือคุณโจ๊ก คือ “แกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่” ที่ใครได้รับประทานแล้วต้องยกนิ้วให้ โดย คุณโจ๊ก เล่าถึงที่มาของความรู้เรื่องอาหารมาจากการเป็นลูกมือของยายและแม่ โดยยายเป็นคนโบราณที่ทำอาหารอร่อยมาก ส่วนแม่เคยเปิดร้านอาหาร ซึ่งชื่อของตนก็มาจากที่แม่เคยขายโจ๊ก รสมือในการทำอาหารได้ถูกถ่ายทอดและซึมซับมาตั้งแต่เด็ก การได้ทำอาหารก็เสมือนได้กลับไปสู่ความสุขในวันวาน เพราะอาชีพหลักของ “คุณโจ๊ก” คือ การขายของหลุดจำนำ โดยมีหน้าร้านที่ชื่อ “ลายทอง” ที่ห้างเจเจ มอลล์ ชั้น 1 ล็อก F45 “สมัยก่อนช่วยแม่ ช่วยยายทำกับข้าวทุกวัน เราเด็กๆ ก็เบื่อนะ เราอยากจะไปเล่นแต่ต้องไปตลาด ต้องช่วยทำกับข้าว ยายมีลูกหลายคนเขาก็ทำกับข้าวให้ลูกๆกิน แม่ก็มีฝีมือทำอาหารขาย เช่าขายกาแฟ กลางวันขายก๋วยเตี๋ยว เย็นขายโจ๊ก แม่เสียไปหลายปีแล้วคนยังพูดถึงฝีมือแกเลย เราก็ได้รสมือมาจากทั้งยายและแม่ ในการทำอาหารไทย ร้านอิง สยาม เราทำเองทั้งหมดแบบโฮมเมด เราเลยเปิดแค่ช่วงเย็น อังคาร-เสาร์ เวลา 17.00-21.00 น. ส่วนวันอาทิตย์ เปิด 11.00-21.00 น. หยุดวันจันทร์ จะโทร.มาถามก่อนก็ได้ที่ 06-3170-6183” สำหรับเมนู “แกงคั่วสับปะรดหอยแมลงภู่” ที่ขึ้นชื่อของร้านอิง สยาม คุณโจ๊ก ได้เผยเคล็ดลับในการทำว่า เครื่องปรุง ประกอบด้วย เครื่องแกงคั่ว สับปะรดศรีราชา หอยแมลงภู่ น้ำกะทิ ใบมะกรูด น้ำปลา น้ำตาลปีบ และน้ำตาลทราย วิธีการทำ เริ่มด้วย ผัดเครื่องแกงโดยเทน้ำกะปิใส่หม้อหรือกระทะ จากนั้นใส่เครื่องแกงคั่วที่สามารถซื้อสำเร็จรูปได้ ตามด้วยน้ำตาลปีบ ซึ่ง คุณโจ๊กเล่าว่า เวลาใส่เครื่องแกงต้องใส่น้ำตาลปีบนิดหน่อย เพราะน้ำตาลปีบจะไปช่วยลดความปร่าของเครื่องสมุนไพรต่างๆ จากนั้นผัดจนหอมแล้วใส่น้ำปลา พอเดือดไม่ต้องถึงแตกมัน แล้วใส่สับปะรดที่หั่นแล้วเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นใส่น้ำกะทิเพิ่มต้มจนเดือดแล้วใส่ใบมะกรูด และหอยแมลงภู่ จากนั้นชิมรสอีกทีให้ได้รสชาติหวาน เค็มอมเปรี้ยวนิดๆ สามารถเติมความหวานด้วยน้ำตาลปีบ และน้ำตาลทรายเพิ่มรสให้แหลมขึ้นได้ พอเดือดก็นำขึ้นเสิร์ฟแต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงหั่น. อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่