หลังจากดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน และ 23 วัน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ “โอลาฟ โชลซ์” กล่าวคำอำลาตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรีเยอรมนี” อย่างเป็นทางการ ในพิธี “Grosser Zapfenstreich” บริเวณลานภายในเบนด์เลอร์บล็อก อาคารที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมเยอรมนี ในกรุงเบอร์ลิน เมื่อคืนวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาในพิธีเก่าแก่สืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 จัดขึ้นแทนการร่ำลาและเป็นเกียรติต่อบุคคลสำคัญของประเทศอย่างนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี รวมถึง รมว.กลาโหม ที่หมดวาระการทำงานรับใช้ชาติ มีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ วงดุริยางค์ทหารบรรเลงเพลงที่นายกรัฐมนตรีเลือก 3 เพลงตามธรรมเนียม แต่ละเพลงล้วนแฝงความหมายลึกซึ้งส่วนตัวเพลงแรกได้แก่เพลง “อิน มาย ไลฟ์” ของสี่เต่าทอง “เดอะ บีเทิลส์” ว่ากันว่าสะท้อนถึงชีวิตและความสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการยกย่อง “บริตตา เอิร์นสท์” ศรีภรรยา พลังสำคัญผู้สนับสนุนตลอดเส้นทางการเมือง และยังสัมพันธ์กับชีวิตเมื่อครั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองฮัมบูร์ก เมืองท่าทางเหนือของประเทศ ระหว่างปี 2554-2561 สถานที่ซึ่งหนุ่มๆ สี่เต่าทองฝึกปรือฝีมือตามคลับและบาร์สมัยยังไม่เป็นที่รู้จักในช่วงยุค 60ส่วนเพลงที่ 2 โชลซ์เลือกส่วนหนึ่งจาก “บรันเดนบวร์ก คอนแชร์โต หมายเลข 2” ของ “บาค” คีตกวีผู้ยิ่งใหญ่ชาวเยอรมัน สื่อถึงความเชื่อมโยงกับรัฐบรันเดินบวร์ก ที่โชลซ์เคยอยู่อาศัยและดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภามี “เรสเปค” เพลงจังหวะสนุกสนานแต่งขึ้นเพื่อเรียกร้องสิทธิสตรีจากเสียงของ “อารีธา แฟรงคลิน” ราชินีเพลงโซล เป็นเพลงสุดท้าย ซึ่งเป็นเพลงประจำแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งที่ส่งให้โชลซ์ขึ้นสู่อำนาจในปี 2564ขณะที่ผู้นำคนก่อนหน้าอย่าง “อังเกลา แมร์เคิล” อำลาหน้าที่นายกรัฐมนตรี 16 ปี ด้วยเพลงของศิลปินหญิงเยอรมันอย่าง “นีนา ฮาเกน” และ “ฮิลเดการ์ด เนฟ” ปิดท้ายด้วยเพลงสรรเสริญพระเจ้า.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม