ร้อนตับแลบ สลับกับพายุลูกเห็บพัดกระหน่ำสภาพลมฟ้าอากาศแปรปรวนในช่วงรอยต่อฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน เร้ากันไปกับสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังร้อนสุดขีด เผชิญมรสุมถล่มหนัก จากอิทธิพลมาตรการภาษีตอบโต้ของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งโลกประเทศไทยส่อเสียหายยับเยินสุดในอาเซียนตามสัญญาณร้าย ข่าวเชิงลบแบบรัวๆ ไล่ตั้งแต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (imf) ประเมินการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อยู่ที่ 1.8 เปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องกับเวิลด์แบงก์ คาดการณ์จีดีพีไทย หล่นไปที่ร้อยละ 1.6 ต่ำเตี้ยเรี่ยราด เทียบกับนานาประเทศที่โดนแรงกระแทกหนักเหมือนกันอันดับไทยหล่นไปอยู่บ๊วยสุด ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรองแม้กระทั่ง กัมพูชา ลาว ที่ด้อยพัฒนา แต่ปาดหน้าแซงไปแล้ว แนวโน้มสดๆร้อนๆแบบที่สถาบันจัดอันดับ “มูดีส์” ได้ทำการปรับมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจจาก stable เป็น negative ความน่าเชื่อถือจากเดิมที่มี “เสถียรภาพ” กลายเป็น “ติดลบ” สาเหตุหลักจากความเสี่ยงเศรษฐกิจและภาคการคลังของไทย จะอ่อนแอลงจากผลกระทบมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนว่าหลังหมดช่วงทดเวลาให้หายใจ 90 วัน “คาวบอยทรัมป์” จะตั้งด่านไถภาษีแบบโหดๆต่อไทยหรือไม่ประกอบกับปัจจัยภายใน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิดยังช้า เสี่ยงซ้ำเติมการเติบโตระยะยาวส่อเค้า ตลาดบอนด์ป่วน ลามกระแทกตลาดหุ้นแกว่งหนักคำเตือนของมูดีส์พุ่งไปที่การจัดวินัยการคลังที่กำลังถังแตกจากนโยบายโคตรประชานิยม แจกแหลกแจกดะเงินหมื่น ขืนลุยถั่วเจ๊งแน่ และตามเงื่อนไขสถานการณ์กดดันรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะกดบัตรคิว จองตั๋วเข้าเจรจากับ “คาวบอยทรัมป์” ได้วันไหน ในสภาพที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ แบไต๋ยอมรับเองเลยว่า การเจรจากับทำเนียบขาว ติดปมแฝงด้านความมั่นคง โยงกับกรณี กอ.รมน.กองทัพภาคที่ 3 แจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.พอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน ในฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ตั้งแง่ตอบโต้รัฐไทยใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมกับพลเมืองมะกันจังหวะติดกุญแจล็อก นั่นก็ไม่ต้องมองโลกสวยหลอกตัวเองให้ความหวังกันมั่วๆ “ทีมไทยแลนด์” ทำได้แค่ร้องเพลงรอกันยาวๆ เพราะไม่ใช่แค่ “เลื่อนนัด”แต่ของจริงส่อแวว “คาวบอยทรัมป์” ยังไม่รับนัดตามฟอร์มที่นายกฯคนพ่ออย่างนายทักษิณก็เหมือนรู้อยู่เต็มอก อารมณ์ไม่ได้เร่งร้อนอะไร แค่บอกจะหาช่องต่อสายคุยกับซี้เก่าอย่าง “คาวบอยทรัมป์” คุยขำๆ เลียนแบบผู้นำสหรัฐฯ จะ Make Thailand Great Again“นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” เน้นไปที่เกมอำนาจการเมืองซะมากกว่าอาการแบบที่ “โก๋แก่” ลุยปะฉะดะกับทีมเด็กกองทัพส้ม พุ่งเป้าถล่ม “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาชนด่าลั่นเวทีปราศรัย “ไอ้หนุ่มสึ่งตึง” หมายถึง ติ๊งต๊อง บ้า ปัญญาอ่อนอารมณ์ย้อนศรด้วยความหมั่นไส้ที่หัวหน้าค่ายส้ม ตั้งเงื่อนไข โอกาสจะกลับไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลในอนาคต ทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ต้องขอโทษประชาชนผู้สนับสนุน แสดงอาการสำนึกก่อนจากที่ตระบัดสัตย์ฉีกขั้วไปจับมือกับทหารเฒ่า 3 ป. ตั้งรัฐบาลสูตรพิสดารลีลาเก๋าๆ “ทักษิณ” ชิงประจานปมด้อยก๊วนส้ม มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการรื้อมาตรา 112 เลยไม่มีใครกล้าคบ แม้ชนะเลือกตั้งได้ สส.มากเป็นอันดับหนึ่ง แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เอง โทษใครไม่ได้เลยโดนแก๊งเด็กส้มซัดกลับ “คนเฒ่าวอกนัก” ด่าแรงคนแก่จอมกะล่อน อ้างปม 112 ฉีกขั้วเสรีประชาธิปไตย ทั้งๆที่ดีลลับกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมอยู่แล้วแลกกับการกลับบ้านแบบเท่ๆ โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวผู้นำจิตวิญญาณค่ายเพื่อไทยตั้งป้อมรบประจัญบานกับแนวร่วมอุดมการณ์ค่ายประชาชน ตีธงยกระดับปะทะแตกหักแทบจะตัดโอกาสส้มกับแดงคืนดี จับมือตั้งรัฐบาลสถานการณ์ชัดเจน “นายกฯคนพ่อ” ในฐานะโคตรเซียนเลือกตั้งอาชีพ ให้น้ำหนักค่ายส้มคือคู่ต่อสู้หลักในสนามชิงชัย สส.รอบต่อไปนัยว่าเครมสถานะหัวหอกฝ่ายอนุรักษ์นิยมบดบี้กับขั้วเสรีนิยมในขณะที่เกมชิงธงนำในขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมยังตะลุมบอนกันฝุ่นตลบอบอวล ระหว่าง “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” กับ “ครูใหญ่ เขากระโดง”“เหลี่ยม” กระแทก “เกรียน” เดินหน้าสู่จุดแตกหักตามรูปเกมที่ “ทักษิณ” น่าจะเป็นฝ่ายย่ามใจในเกมรุกกดก๊วนเซราะกราวให้หมอบ จากการที่ “ขุนอาสาข้ามค่าย” ทีม “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขาใหญ่ พรรคกล้าธรรม ยึดชัยชนะในเกมเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8สำแดงเดชของ “ม้าใช้” ตัวเก่งของ “นายใหญ่”“ผู้กองนัส” โชว์ศักยภาพในสนามรบ “กระสุนดินดำ” ขึ้นมาทาบชั้น ฟัดกับมวยเก๋าอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ผู้นำทัพเซราะกราว ภูมิใจไทย ได้อย่างถึงอกถึงใจ“ทักษิณ” ยกระดับความเขี้ยวเกมเลือกตั้งบนดิน ใต้ดิน ในเกม นอกกติกาพร้อมๆกับการไล่เวนคืนพื้นที่อำนาจในกระดานอำนาจการเมืองของทีม “เขากระโดง” จังหวะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไล่บี้คดี “อั้งยี่ ซ่องโจร” ลุยเช็กบิล “โพยฮั้ว” ล้มกระดาน “สว.สายน้ำเงิน”ถึงขั้นใช้ระบบเอไอไล่จับผิด มัดด้วยหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เป้าหมายไม่ใช่แค่โละ สว.ใต้ปีก “ครูใหญ่” เขากระโดงเท่านั้น แต่หวังผลเชื่อมโยงไปถึงขั้นจับคนระดับรัฐมนตรีที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการจัดโพยฮั้วลากเข้าเงี่ยงยุบพรรค ล้างบางกันเลยตามรูปเกมที่ทนแรงกระแทกไม่ไหว ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องชักใบแดงให้ พญ.ศ.ดร.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.คนสวย โปรไฟล์หรู ส่งเรื่องให้ศาลฎีกา ลงดาบฟัน โทษฐานอ้างจบ “ด็อกเตอร์” ด้วยวุฒิเทียมนำร่อง “วิบากกรรม” ขบวน “สว.โพยฮั้ว”จังหวะ “ทักษิณ” ขี่หลัง “ธรรมนัส” ขึ้นมาขี่แต้มต่อ “เนวิน” อยู่ 1-2 ช่วงตัว ในเกมชิงธงนำหัวขบวนโหนอำนาจอนุรักษ์นิยมถ้าไม่บังเอิญสะดุดจังๆกับ “ข่าวดีแฝงข่าวร้าย”เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำสั่งวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยยกคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้ศาลบังคับโทษจำคุกกับนายทักษิณในฐานะผู้ต้องขังที่ได้สิทธิเข้ารับรักษาอาการป่วยที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเนื่องจากผู้ร้องไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในชั้นบังคับตามคำพิพากษาแต่อย่างไรก็ตาม เมื่อความปรากฏว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรจึงเห็นควรส่งสำนวนคำร้องให้โจทย์และจำเลย รวมถึงให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณาของศาลสัญญาณลบ กลายเป็นคดีพลิก ราคาต่อรองเด้งกลับสถานการณ์ของ “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” ต้องเสียวสันหลังวาบ ตามอำนาจของศาลที่ทะลุทะลวง ไม่มีใครยื้อหรือดึงเช็งได้ทำให้ “ทักษิณ” ต้องคิดหนัก ในการประคองเกมอำนาจการเมืองตามท้องเรื่องแทบไม่มีพื้นที่ในสมองที่จะไปคิดกู้วิกฤติเศรษฐกิจ แก้เกมมหาวิกฤติสงครามภาษี “คาวบอยทรัมป์” ที่ประชาชนคนไทยส่อลำบากสาหัสแน่คำประกาศ Make Thailand Great Again ถูกมองเป็นแค่มุกตลกเลื่อนลอย.“ทีมการเมือง”คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม