ในหนังสือ รหัสวิทยา พลังเร้นลับ (สำนักพิมพ์ข้าวฟ่าง พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ.2543) “พลูหลวง” บันทึกเรื่องความเชื่อของคนโบราณไว้หลายเรื่อง เรื่องหนึ่ง ถือกันว่าวันอังคาร และวันเสาร์ เป็นวันแข็ง ไม่เหมาะที่จะทำการใดๆที่เกี่ยวกับเลือดและของมีคมตรงกันข้าม หากจะปลุกเสกพระเครื่อง ของขลัง ปลุกเสกอาวุธ ก็จะเลือกวันอังคาร วันเสาร์ในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงถือวันเสาร์ด้วย มีเรื่องเล่า หลังจากเสด็จแปรพระราชฐาน จะเสด็จกลับพระนครในวันเสาร์ มักเกิดเหตุ เช่น รุ่งขึ้น เสนาบดีผู้ใหญ่ถึงแก่อสัญกรรม พระราชวงศ์สิ้นพระชนม์จนต้องทรงมีหมายรับสั่ง ห้ามไม่ให้กำหนดการคืนสู่พระนครในวันเสาร์ในพม่ามีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้ามินดง กษัตริย์พม่า ย้ายเมืองหลวงมาอยู่กรุงมัณฑะเลย์ ขณะเริ่มก่อสร้างกำแพงเมืองเพื่อสร้างพระราชวัง มีคำสั่งให้กว้านจับคนจำนวน 52 คน เท่ากับอายุพระองค์คน 52 คนที่จับมาต้องเกิดในวันอังคาร และวันเสาร์ ถ้าเป็นชาย ร่างกายต้องบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน ไม่มีรอยสัก ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ยังไม่เจาะหูวิธีจับมาฆ่า ทำกันตรงไปตรงมาไม่ได้...มีการจัดละครกลางแจ้ง ล่อให้คนมาดูมากๆ แล้วให้ทหารหมายตาเลือกจับเอาตามที่ต้องการได้ตัวมาแล้วก็เลือกเอาไปฝังที่ใต้แท่นในพระที่นั่งท้องพระโรง ใต้ปราสาท และที่สี่มุมกำแพงเมือง“พลูหลวง” เล่าต่อว่า ผลกรรมจากความโหดร้ายทารุณครั้งนั้น... เมื่อพระเจ้ามินดงสิ้นพระชนม์ พระเจ้าลูกเธอพระองค์หนึ่งซึ่งขึ้นเสวยราชย์ ก็ได้จับพระเจ้าลูกเธอพระองค์อื่นๆฆ่า จำนวนถึง 80 คนกระบวนการฆ่าบันทึกไว้ว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2422 เริ่มด้วยการเตรียมการเย็บกระสอบสีแดง 80 ใบ เท่าจำนวนเจ้าชายที่เป็นเป้าหมาย จับเจ้าชายใส่กระสอบ แล้วทุบด้วยท่อนจันทน์นำไปใส่หลุมที่ขุดเตรียมไว้ จากนั้นก็เอาดินกลบระหว่างเวลาการฆ่าที่ใช้เวลายาวนานตลอดวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวเมืองได้ยินเสียงร้องของผู้ถูกฆ่า ก็ใช้วิธีคล้ายที่หลอกชาวบ้านฝังทั้งเป็น มีการแสดงดนตรีประโคมเสียงให้ดังกลบเสียงร้องเสียงดนตรีไม่ดังก็แสดงว่าเวลาการประหารหมดแล้วเรื่องที่อาจารย์พลูหลวงเล่า แม้ไม่ระบุพระนาม...แต่คนไทย หลายคนรู้ครั้งหนึ่งเคยมีละครทีวีดัง มีคนดูติดกันงอมทั้งบ้านเมือง ชื่อเรื่อง “เพลิงพระนาง” ยังพอจำกันได้ พอๆกับชื่อพระเจ้าสีป่อ กษัตริย์พม่า และพระราชินีศุภยาลัต“พลูหลวง” สรุปเรื่องอาถรรพณ์วันเสาร์ไว้ว่า เป็นเรื่องของกรรมตามสนอง โอรสพระเจ้ามินดงถูกประหารจนเกือบหมด เหลือหนีรอดไปได้ 2–3 พระองค์ ไปอยู่ในเขตยึดครองของอังกฤษ ทางภาคใต้ของพม่าและผลกรรมเมื่อครั้งกระนั้น ยังมีคนมากมายที่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม...เข้าใจกันว่า พม่ายังต้องใช้กรรมต่อๆมาไม่รู้จักจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ฆ่ากันเอง จนวันนี้เป็นสงครามการเมืองยืดยาวจนมาถึงแผ่นดินไหวแรงถึงขนาด 8.2 ศูนย์กลางที่เมืองมัณฑะเลย์ครั้งนี้!สำหรับเมืองไทย...กรุงเทพมหานคร ห่างพม่าพันกิโลเมตร หางเลขแรงสะเทือนเลือนลั่นของแผ่นดินไหวมาถึง ทำให้เกิดเรื่องเหมือนปาฏิหาริย์ ตึกกำลังสร้างใหม่ 33 ชั้นถล่มฝ่ายที่เกลียดรัฐบาลก็ได้ทีกระหน่ำ ด่าอ้อมค้อม แบบโบราณ เกิดอุบาทว์จัญไรในบ้านเมืองก็ชวนให้คิดเคลิ้มตามกันไปได้ หลายๆผู้นำทั้งที่แล้วมา และผู้นำปัจจุบัน ช่วยกันสร้างบาปสร้างกรรมอะไรไว้ เรื่องเลวๆร้ายๆ จึงเกิดขึ้นแล้วก็เกิดขึ้นเล่า จนไม่อยากคาดเดาต่อไป ว่าอะไรจะเกิดตามมาอีก.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม