ชาผลไม้ครีมชีส เครื่องดื่มยอดฮิตที่คนยุคใหม่ต้องลองซื้อหามาทาน กันสักครั้ง ด้วยเครื่องดื่มที่มีหน้าตาสีสันสวยงาม น่าดื่ม รสชาติอร่อยสดชื่น แถมมีท็อปปิ้งด้วยครีมชีส ผสมผสานให้เกิดรสชาติหวานละมุน เปรี้ยวอมหวานในเวลาเดียวกัน ชาผลไม้ครีมชีสทุกวันนี้มีหลายรสชาติ เช่น ชาพีช พีชมะม่วง ชาส้ม ชาแอปเปิ้ล ชากีวี่ ชาสับปะรด ชาสตรอว์เบอร์รี หรือชาลิ้นจี่ ส่วนครีมชีสมักใช้เป็นผงครีมชีสสำเร็จรูปหรือร้านทำขึ้นเอง ทว่าสิ่งที่ต้องระวังสำหรับผู้ชื่นชอบชาผลไม้ครีมชีส คือ คอเลสเทอรอลในชาผลไม้ครีมชีส ที่มาจากส่วนครีมชีสที่ใช้เป็นท็อปปิ้งของเครื่องดื่มซึ่งผงครีมชีสมีส่วนประกอบหลัก คือ กลูโคสไซรัป ไขมันพืช โปรตีนนม หรือบางร้านอาจทำเองโดยใช้ครีมชีส นมข้นหวาน นมสดพาสเจอไรซ์และวิปครีม ผสมตีให้เข้ากันเพื่อเป็นสูตรของทางร้าน ซึ่งนมข้นหวานหรือวิปครีมเป็นแหล่งของคอเลสเทอรอลอาจทำให้มีปริมาณคอเลสเทอรอลเพิ่มในเครื่องดื่มได้ อีกทั้งน้ำตาลที่ใช้เป็นส่วนประกอบชาผลไม้ครีมชีสอาจก่อให้เกิดคอเลสเทอรอลสะสมในร่างกายด้วยโดยหากเราได้รับน้ำตาลที่เกินความต้องการของร่างกาย หรือเกินกว่า พลังงานที่ถูกนำไปใช้ในแต่ละวัน อาจทำให้น้ำตาลที่เหลือเปลี่ยนไปเป็นคอเลสเทอรอลและสะสมเป็นไขมันในตับหรือในช่องท้องได้การทานอาหารที่มีคอเลสเทอรอลปริมาณมากหรือเป็นประจำอาจก่อให้ เกิดการสะสมไขมันหรือคอเลสเทอรอลในร่างกาย ซึ่งคอเลสเทอรอลเคลื่อนย้ายไปเกาะตามผนังเซลล์ต่างๆ เช่น ผนังหลอดเลือดแดงทำให้เกิดการสะสมของคอเลสเทอรอลในหลอดเลือดแดง เกาะหรือพอกในหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดตีบลงหรือมีขนาดเล็กลง ขัดขวางการไหลของเลือดในหลอดเลือด เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง ทำให้เกิดภาวะขาดเลือดเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้สถาบันอาหารเก็บตัวอย่างชาผลไม้ครีมชีส 5 ตัวอย่างจาก 5 ร้านค้า ในกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณคอเลสเทอรอล ผลวิเคราะห์พบว่าทั้ง 5 ตัวอย่างไม่พบคอเลสเทอรอลเลยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขของไทยแนะนำว่าคนที่ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี ควรได้รับคอเลสเทอรอลอย่างปลอดภัยไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัมเห็นผลวิเคราะห์อย่างนี้แล้ว สายเครื่องดื่มชาชีสยังดื่มชาผลไม้ชีสกันได้อย่างสบายใจแต่ควรทานแต่พอดี ดื่มแค่พอชื่นใจ อย่าลืมว่าในอาหารชนิดอื่นๆที่เราทานในแต่ละวันอาจมีคอเลสเทอรอลอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย ที่สำคัญ ควรออกกำลังกาย และรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและปลอดโรค. ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย