นายประพาส เหลืองศิรินภา ผอ.สำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กล่าวว่า สสล.ได้ประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักและพายุลมแรง พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะในเขตเมืองที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุลมแรง โดยประสานหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบต้นไม้บนถนนสายหลัก สายรอง ทางเท้า สวนหย่อม สวน 15 นาที และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ออกตรวจตราความสมบูรณ์ของต้นไม้ หากพบความเสี่ยงต่อการหักโค่น หรือได้รับผลกระทบจากลมพายุ ให้ดำเนินการตัดแต่งกิ่งแห้งและกิ่งผุ ตรวจสอบลำต้น หาร่องรอยการเข้าทำลายของแมลง ตัดแต่งต้นไม้ตามหลักรุกขกรรม เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง ลดการต้านลม และป้องกันการโค่นล้ม สำรวจและประเมินความเสี่ยงเพิ่มเติม กรณีมีการคาดการณ์ว่าพายุอาจรุนแรงในช่วงเวลาถัดไปจึงจัดเตรียมหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง สำหรับแก้ไขเหตุฉุกเฉิน เช่น ต้นไม้หักโค่นกีดขวางถนน หรือทับบ้านเรือนประชาชน พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป“ทั้งนี้ หากพบต้นไม้อยู่ในสภาพเสี่ยงโค่นล้ม หรือระสายไฟฟ้า สามารถแจ้งข้อมูลและพิกัดต้นไม้ได้ที่สำนักงานเขตพื้นที่ หรือแอปพลิเคชัน Traffy Fondue และหากประชาชนมีประสงค์ขอรับบริการตัดแต่งต้นไม้ในบ้าน สำนักงานเขตพื้นที่ อัตราค่าบริการตามระเบียบที่ กทม. กำหนดไว้” ผอ.สสล.กล่าวนายประพาสกล่าวด้วยว่า กรณีมีข้อกังวลจำนวนตัวเงินตัวทองที่เพิ่มขึ้นบริเวณสวนลุมพินีและคูคลองริมถนนพระราม 4 ขอชี้แจงว่า ตัวเงินตัวทองไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ เว้นแต่ถูกคุกคามจนเกิดความตกใจ โดยตัวเงินตัวทองเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามครอบครอง ห้ามกระทำต่อตัวเงินตัวทอง รวมถึงต่อซาก หรือผลิตภัณฑ์จากซากตัวเงินตัวทอง หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กทม.จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับอุปนิสัยของตัวเงินตัวทอง พร้อมแนะนำแนวทางการอยู่ร่วมกันโดยไม่รบกวนซึ่งกันและกัน รวมถึงพิจารณามาตรการควบคุมปริมาณไข่ตัวเงินตัวทอง.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่