การเมืองที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ ความเป็นเสถียรภาพทางการเมือง จากสาเหตุปลาคนละน้ำ ทำให้การบริหารปกครองประเทศ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ยืนอยู่บนเส้นยาแดงผ่าแปด ความท้าทายทางเศรษฐกิจ การเจริญเติบโตตกต่ำอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีประเทศที่ร้อยละ 3-3.5 ในขณะที่หน่วยงานด้านเศรษฐกิจภาครัฐ ภาคเอกชน ธนาคารแห่งประเทศไทย พยากรณ์ว่า จีดีพี ประเทศทำได้อย่างดีที่สุดก็แค่ร้อยละ 2.7 ที่เป็นนัยสำคัญก็คือ ความเชื่อมั่นระหว่างองค์กรเศรษฐกิจ ธุรกิจภาครัฐภาคเอกชน และแบงก์ชาติกับรัฐบาล และกระทรวงการคลัง คนจะเลือกให้ความน่าเชื่อถือด้านตัวเลขของหน่วยงานภาครัฐภาคธุรกิจเอกชน และแบงก์ชาติมากกว่า เป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องทบทวนเป็นบทเรียน ด้านความน่าเชื่อถือและภาวะผู้นำ อย่างน้อยการสร้างเสถียรภาพในรัฐบาลที่มีความเห็นต่างในนโยบายรัฐ เกือบจะทุกเรื่อง สะท้อนไปถึงความน่าเชื่อถือภายในรัฐบาลเองก็ยังแก้ไม่ตกปัญหาราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ การแก้ปัญหาดุลการค้ากับสหรัฐฯ การสร้างตลาดใหม่และพันธมิตรทางการค้า การเพิ่มศักยภาพในการส่งออก ต้องยกให้กระทรวงพาณิชย์ ที่ผูกขาดการรับผิดชอบเอาไว้ภายในกระทรวง ตั้งแต่ระดับข้าราชการจนถึงระดับรัฐมนตรีที่บริหารกระทรวง เรามีทูตพาณิชย์ในประเทศคู่ค้า เรามีทีมไทยแลนด์ในประเทศพันธมิตร แต่เรากลับไม่มีผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในด้านบวกล่าสุด ชาวนาภาคกลางออกมาประท้วงราคาข้าวตกต่ำ จะมีการเมืองหนุนหลังหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่ราคาข้าวตกต่ำจริงด้วยหลายสาเหตุจากเรื่องของคุณภาพ ที่มีการส่งเสริมให้ปลูกข้าวพันธุ์เวียดนามเพื่อเพิ่มผลผลิต แต่ข้าวไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดก็ขายไม่ได้ เรามีคู่แข่งมากมาย ไม่เฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีน-อเมริกา ก็มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เราจะแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรที่ปลายเหตุ ไม่ว่าจะเป็นโครงการชะลอการขายข้าว การประกันราคาข้าว ประกันราคาพืชผลการเกษตรเป็นบางชนิด พยุงราคา จำนำ ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลไปละลายแม่น้ำ เป็นข้าวเน่าในโกดัง เป็นเหยื่อของโรงสี พ่อค้าคนกลางและนักการเมือง ถ้าจะเปรียบเทียบการทำงานของรัฐบาลกับบริษัทการเกษตรขนาดใหญ่ของประเทศที่รู้จักกันดี บริษัทเอกชนค้าขายสินค้าการเกษตรครบวงจรรวยเอาๆ แต่สินค้าการเกษตรที่อยู่ในการดูแลของรัฐเจริญฮวบๆ ไม่รู้ว่าจะโทษคนหรือระบบดี การใช้เงินแก้ปัญหาแบบสุกเอาเผากินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายคำถามทิ้งท้ายง่ายๆ ทำไมคนสนใจการตั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติมากกว่าคนที่เป็น รมต.คลัง ทำไมให้ความเชื่อมั่นข้อมูลของแบงก์ชาติหรือสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมากกว่า ทำไมคนไทยมั่นใจการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านของ ผช.รมต.กระทรวงความมั่นคงของจีนมากกว่า รมว.ต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงของไทย ประเทศไทยกำลังบริหารประเทศด้วยสีสันมากเกินไปมากกว่าอยู่บนพื้นฐานความจริงหรือไม่.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม