เคยถามตัวเองไหมว่าทำไมเราไม่ทำตัวให้น่ารักกว่านี้ ทั้งๆที่เนื้อแท้แล้วเป็นคนจิตใจดี แต่มักเผลอพูดจาขวานผ่าซากโผงผางไม่เกรงใจใคร สร้างความบาดหมางและเจ็บใจให้คนฟังโดยไม่รู้ตัว จุดอ่อนอย่างหนึ่งของมนุษย์คือ การอยากทำให้ตัวเองเป็นที่รักของคนอื่น และไม่ชอบให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่ถ้าอยากให้คนอื่นเกลียดคุณ มันง่ายมากๆ ก็แค่ปากเสียเที่ยวติคนอื่นไปเรื่อยๆ“เดล คาร์เนกี” นักจิตวิทยาชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ให้ข้อคิดดีๆไว้ในหนังสือ “จุดอ่อนของมนุษย์” ว่า การวิจารณ์คนอื่นจะทำให้คนที่ถูกวิจารณ์ปิดกั้นและปกป้องตัวเองมากยิ่งขึ้น สุดท้ายพวกเขาจะพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย และอยากที่จะต่อสู้กลับ เวลาที่มนุษย์ทำอะไรผิด พวกเขามักชอบต่อว่าคนอื่นและไม่เคยส่องกระจกมองมาที่ตัวเอง ฉะนั้นเวลาที่คุณต้องการจะต่อว่าใครสักคน อย่าลืมว่าคำวิจารณ์ของเราก็เหมือนนกพิราบบ้าน เพราะสุดท้ายมันจะบินกลับมาหาเรา คนที่เราต่อว่าเขาจะหาเหตุผลให้ตัวเองเสมอ เพื่อเถียงกลับและเล่นงานคืน“ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น” ผู้นำคนที่ 16 ของสหรัฐ อเมริกา เจ้าของประโยคอมตะ “รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน” คือหนึ่งในผู้นำโลกที่เป็นที่รักของผู้พบเห็นมากที่สุด เขาถือคติพูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วเป็นอัปมงคลในวัยเด็ก “ลินคอล์น” ชอบต่อว่าคนอื่น เพราะถือตนว่ามีปัญญาดี เมื่อเติบโตขึ้นเป็นทนายความอาชีพทำงานที่รัฐอิลลินอยส์ เขาเผลอเยาะเย้ยนักการเมืองจากไอร์แลนด์ ซึ่งมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่นมากเกินไป โดย “ลินคอล์น” เผยแพร่เรื่อง ราวของนักการเมืองผู้นี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ และทำให้คนอื่นๆหัวเราะเยาะนักการเมืองคนนั้น ซึ่งนั่นทำให้คู่กรณีโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และท้าดวลตัวต่อตัวกับทนายความปากดี พวกเขานัดพบกันที่ริมแม่น้ำเพื่อเตรียมจะต่อสู้ แต่นาทีสุดท้ายก็มีใครบางคนมาห้ามทันเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ “ลินคอล์น” ตกใจมาก และได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ เขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เขียนจดหมายไปวิจารณ์ใครอีก และจะไม่หัวเราะเยาะคนอื่น ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยต่อว่าคนอื่นอีกเลย แม้ตอนเกิดสงครามกลางเมืองที่อเมริกา คนครึ่งประเทศพากันวิจารณ์แม่ทัพที่ไม่เอาไหน แต่ในฐานะผู้นำประเทศ “ลินคอล์น” ไม่ตำหนิลูกน้องสักคำ เพราะรู้ดีแก่ใจว่าการวิจารณ์จะเป็นจุดเริ่มต้นของชนวนขัดแย้งที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ“ลินคอล์น” เขียนในจดหมายน้อยฉบับหนึ่งว่า ทุกคนอยากได้คำชื่นชม เช่นเดียวกับ “วิลเลียม เจมส์” ก็เขียนไว้ว่า มนุษย์ทุกคนต่างโหยหาอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น มันคือความทุกข์และความยากลำบากที่สามารถตอบสนองได้โดยมนุษย์ แต่ถ้าใครสามารถมอบให้คนอื่นได้ พวกเขาก็จะสามารถควบคุมคนอื่นได้แปลกแต่จริงที่ “ประธานาธิบดีแฟรงคลิน โรสเวลต์” ก็มีเคล็ดลับเดียวกัน เขาไม่ได้เป็นเด็กฉลาด แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นกลับกลายเป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ เพราะถือคติว่า ผมไม่เคยต่อว่าคนอื่น แต่ผมจะเลือกพูดถึงสิ่งดีๆของพวกเขาความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์คือ มนุษย์อยากที่จะได้รับการเคารพ และมีความปรารถนาที่จะได้เป็นคนสำคัญ“การทำให้ตัวเองเป็นที่รักของคนอื่น” เริ่มจากการรู้จักคิดเพื่อคนอื่น ถ้าคุณต้องการให้ใครทำอะไรให้กับคุณ ควรคุยในสิ่งที่ พวกเขาให้ความสนใจ และแนะนำพวกเขาว่าจะได้สิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างไร เคล็ดลับสำคัญคือเราต้องรู้จักคิดแทนคนอื่น ทำให้เขารู้สึกต้องการทำในสิ่งที่เราแนะนำให้เขาทำ โดยมีผลประโยชน์ของพวกเขาเป็นแรงจูงใจ เพราะเมื่อมนุษย์มีความปรารถนา พวกเขาจึงจะลงมือทำถ้าเราอยากให้ใครทำอะไรให้ล่ะก็ ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ควรถามตัวเองว่า จะทำอย่างไรให้เขาอยากทำสิ่งนี้ให้กับคุณ ที่แน่ๆ เราไม่ควรพูดถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการก่อนจะโน้มน้าวใครให้ทำอะไรเพื่อเราเลิกเป็นคนเอาแต่อยากได้ และคอยหาทางเอาเปรียบคนอื่น ระหว่างคนที่เห็นแก่ตัว กับคนที่มีน้ำใจคอยช่วยเหลือคนอื่น และคิดเพื่อคนอื่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ลองหัดคิดเพื่อคนอื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยใช้หลักเมตตาธรรม เชื่อเถอะว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองได้ ไม่มีใครอยากทำอะไรให้คนหัวร้อนที่คิดถึงแต่ตัวเอง!!มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม