ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจีดีพีจะโตได้แค่นั้นแค่นี้โดยรัฐบาลหวังว่าน่าจะถึง 3% กว่าๆ แต่แบงก์ชาติและสภาพัฒน์ค่อนข้างตรงกันว่าน่าจะ 2.8% เท่านั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงานและความคาดหวังที่ต่างกันเพียงแต่ของใครจะสะท้อนความเป็นจริงและถูกต้องเท่านั้นนี่คือสภาพเศรษฐกิจจากตัวเลขแต่ที่เป็นจริงก็คือตลาดหุ้นของไทยนั้นดำดิ่งลงมาก มีการสำรวจแล้วพบว่าน่าจะมากที่สุดในโลกก็ว่าได้อันแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างชวนให้วิตกอย่างยิ่ง ปัจจัยที่เกิดขึ้นนั้นคงมาจากภายในและภายนอกโดยเฉพาะนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำให้โลกปั่นป่วนอยู่ทุกวันนั้นซึ่งไทยก็ได้รับผลนั้นด้วยวันนี้ยังไม่ถึงคิวไทยแต่ก็คงหนีไม่พ้น อยู่ที่รัฐบาลจะแก้ไขและรับมืออย่างไรเท่านั้นรัฐบาลกำลังเดินหน้าแจกหัวละหมื่นเฟส 3 ซึ่งก็คงไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่คุยโม้เอาไว้แต่ได้แค่คะแนนนิยมเท่านั้นเพราะยังไม่มีนโยบายหรือแนวอะไรที่จะแก้ไขปัญหาแล้วเห็นผลทันตาไปประชุม ครม.สัญจรที่สงขลาก็เป็นชาวบ้านชูป้ายคัดค้านเรื่อง “กาสิโน” และ “แลนด์บริดจ์” ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นความหวังของรัฐบาลที่จะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำแต่ดูแนวแล้วกว่าจะผ่านไปได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” เดินทางไปเยือนจีนได้พบกับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดี ที่มีความหวังดีต่อประเทศไทยมาตลอดได้ออกปากเตือนไทยให้ระวังเรื่องการเปิด “กาสิโน” เพราะมันอันตรายยิ่ง โดยบอกว่าได้เตือนคนจีนไปเที่ยวสิงคโปร์อย่าเข้าไป “กาสิโน” เป็นอันขาดเพราะไม่ต้องการให้คนจีนต้องตกเป็น “ผีพนัน”เช่นกันนักลงทุนชาวจีนให้ความสนใจโครงการ “แลนด์บริดจ์” ของไทยก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้รัฐบาลก็ต้องรีบทำโปรเจกต์ให้ชัดเจนในรายละเอียดเพื่อนำเสนอนักลงทุนจากประเทศต่างๆ ที่ให้ความสนใจประเด็นที่น่ากังวลก็คือต้องทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่คัดค้านให้เรียบร้อยเพราะหากมีการดำเนินการไปแล้วเกิดชาวบ้านชุมนุมต่อต้านก็จะเกิดปัญหาทำให้โครงการมีปัญหาล่าช้าหรือดำเนินการต่อไปไม่ได้ก็จะเกิดความเสียหายที่สำคัญต่อไปเขาก็จะไม่มาลงทุนอีกแล้ว!ไปจีนคราวนี้ที่ได้ประโยชน์ชัดๆก็คือเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รัฐบาลประกาศจะช่วยแก้ไข ก็ทำจริงๆและเป็นรูปธรรมด้วยการส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเดินทางมาไทยและอยู่ยาวเพื่อดำเนินการให้การปราบปรามได้ผลอย่างชัดเจนด้วยการประสานกับรัฐบาล 3 ประเทศจีน-ไทย-เมียนมาทำให้การแก้ไขปัญหาดำเนินการไปตามแนวทางที่ต้องการได้แม้มีการมองว่าล้ำหน้ารัฐบาลไทยอยู่บ้างแต่ก็ได้มีการหารือและตกลงกันทุกอย่างไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็อย่าไปติดใจสงสัยอะไรมากเพราะการแก้ไขแบบจีนนั้น เขาถึงลูกถึงคนและจริงจังไม่หน่อมแน้มเพียงแต่รัฐบาลไม่ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจให้สังคมได้รับทราบเท่านั้นถ้าจีนไม่เข้ามาช่วยก็ยังไม่รู้ว่าไทยเองจะแก้ไขได้หรือไม่?ที่สำคัญยังมีอีกฟากคือฝั่งตะวันออก ซึ่งจีนก็มีอิทธิพลต่อรัฐบาลกัมพูชาก็ต้องให้เขาช่วยอีกเพื่อประกันในความสำเร็จไอ้คนที่คุยโม้รู้นั่นรู้นี่ดีแต่ไม่เห็นมาช่วยแก้อะไรสักนิด!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม