ถนนสายการเมืองที่ขรุขระคงไม่มีใครผ่านไปได้อย่างสะดวกโยธินไร้ริ้วรอยแผลให้ปรากฏ เพียงแต่ใครจะมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องของแต่ละคนรวมถึงบุญมาวาสนาส่งที่หนุนช่วยแค่ไหนอีกด้วย“อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีมหาดไทยที่ใครต่อใครคาดหวังว่า เส้นทางการเมืองกำลังจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดก็ไม่วายที่จะต้องเจอเกมการเมืองพัดพริ้วใส่“หน้าตัวเมีย” เขาสบถด้วยอารมณ์เคืองขุ่นเมื่อถูกแฉว่าที่ดินที่เขาใหญ่ของเขานั้นรุกที่ ส.ป.ก. ขณะที่ตัวเขาเองพยายามสร้างภาพลักษณ์ซื่อสัตย์สุจริตทุกย่างก้าวมันก็ต้องเดือดเป็นธรรมดา!เขาบอกว่า เป็นเรื่องการเมืองและพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ เพราะที่ดินที่ได้มานั้นถูกต้องตามกฎหมายนี่เป็นเรื่องการเมือง รู้ว่าใครเป็นคนทำและพร้อมที่จะเอาคืนคิดดอกทบต้นด้วยว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ต่างไปจากกรณีรีสอร์ตภูสอยดาวที่นครนายก ที่ถูกแฉว่ารุกที่ ส.ป.ก.และเกี่ยวพันไปถึง “หวานใจ” นักการเมืองผู้มากบารมีเป็นข่าวอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งพรรคพลังประชารัฐที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ได้ลงมติขับลูกพรรคราว 20 กว่าคน สาย “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” และย้ายไปอยู่พรรค “กล้าธรรม”เรื่องนี้ก็จบลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่รู้ว่ามันถูกผิดอย่างไรแน่กรณีของ “อนุทิน” ก็มาทำนองเดียวกัน ตัวละครคนเดียวกันที่ออกมาแฉเรื่องนี้ เมื่อจับความดูแล้วก็พอจะรู้ได้ว่าใครคือผู้บงการเรื่องนี้...ที่ทำอย่างนี้เพื่อใครและหวังผลอะไร?เป็นอย่างนี้แหละการเมืองนั้นใครเด่นดีดังก็ต้องเจอแรงกระแทก ยิ่งไปขวางผู้มากบารมีก็มิอาจหลีกพ้นไปได้ก็ต้องดูต่อไปว่า จะเอาคืนกันเมื่อไรเท่านั้นว่ากันถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ “ล่ม” สองวันติด จนทำให้ต้องพักเบรกไว้ก่อนก็มีควันหลงตามมา เมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนได้บอกว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องรับผิดชอบ เพราะไม่สามารถควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลได้“ยุบสภา”...เพื่อแสดงความรับผิดชอบก็คงว่ากันไปตามเกม!แต่ไม่มีทางที่นายกรัฐมนตรีจะทำเช่นนั้นแน่ เพราะได้ประกาศไปแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลพรรคการเมืองไหนมีความเห็นอย่างไรก็ถือเป็นอิสระไม่ผูกพันจะมาโทษรัฐบาล โทษนายกรัฐมนตรีไม่ได้ความจริงทุกคนต่างก็รู้ดีว่า “เพื่อไทย” ยังไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง เนื่องจากยังไม่สามารถสร้างผลงานตามที่ประกาศเอาไว้ได้ขนาดแจกหัวละหมื่นก็ยังอยู่แค่เฟส 3 ที่ยังไม่คลอดปัญหาเศรษฐกิจเรื่องใหญ่สุดก็ยังไม่สามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นมาได้ จึงไม่มีทางที่จะทำตามที่เรียกร้องได้ก็จะอยู่กันไปอย่างนี้เพราะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น “กินไม่ได้” หาคะแนนไม่ได้เช่นกันพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังไม่พร้อม เพราะทุกพรรคต่างก็กำลังสร้างผลงาน เพื่อเรียกคะแนนนิยม จึงอยู่กันไปอย่างนี้ก่อนเว้นแต่ “เพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำต้องการยุบสภาก็แล้วแต่เพราะการเลือกตั้งนั้นอยู่ที่ว่าพรรคไหนมีอำนาจ ดังนั้นถ้ายุบก็ต้องยุบแล้วไปสู้กันในสนามเลือกตั้งสำคัญว่าพร้อมหรือไม่...เท่านั้น!"สายล่อฟ้า"คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม