ตำรวจคุม “ไอ้โน้ต” และเพื่อนอีกคนไปทำแผนฯ หลังร่วมกันฆ่ายกครัว 3 ศพ พ่อแม่และลูกยัดใส่รถกระบะหมกบ้านร้าง สารภาพปมเหตุแค้นจำนำปืนบีบีกันดัดแปลงกับเพื่อนแต่ไม่ได้เงิน แล้วขอยืมเงิน 1 แสนบาทเพื่อไปซื้อโดรนการเกษตรหวั่นถูกยึดเงินมัดจำ แต่ไม่ให้ ฉุนจ่อยิงหัวผัวก่อนแล้วโทร.หาเพื่อนช่วยยกศพขึ้นรถ ระหว่างทางเมียแย่งปืนเกิดลั่นถูกลูกชายแล้วยิงเมียปิดปาก จากนั้นปลดสร้อยคอทองคำไปขายใช้หนี้ ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนักภายหลังตำรวจเค้นสอบปากคำนายศิวกร หรือโน้ต อ่อนเกตุ อายุ 27 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ ประกอบด้วย นายวงศกร หงสไกร อายุ 37 ปี น.ส.นันทกานต์ นาซึ อายุ 35 ปี และ ด.ช.นัทกร หรือน้องซันเดย์ หงสไกร อายุ 7 ขวบ เป็นพ่อแม่และลูก หมกศพร่วม 1 เดือน ในรถกระบะจอดที่บ้านร้างริมถนนพหลโยธิน หมู่ 10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร กระทั่งนายโน้ตสารภาพอ้างว่า นำปืนบีบีกันดัดแปลงไปจำนำกับนายวงศกร ผู้ตาย เป็นเพื่อนกัน แต่ยังไม่ได้เงิน ไม่พอใจเมื่อทวงถามกลับถูกด่าจึงยิงยกครัว แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ระหว่างหาหลักฐาน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ตำรวจคุมตัวนายนิรุตย์ หรือเข้ สีบุญมี อายุ 25 ปี ทำหน้าที่ขี่รถ จยย.ให้นายโน้ตไปก่อเหตุ จากนั้นตำรวจยังคุมตัว น.ส.ปาลิตาและนายชัยณรงค์ สองแม่ลูก ที่มีรายการบันทึกการโทร.เข้า-ออกกับเบอร์โทร.ปริศนาเข้ามาสอบปากคำ เนื่องจากมีข้อพิรุธหลายส่วนที่ต้องสอบปากคำขยายผลความคืบหน้าช่วงเช้าวันที่ 15 ก.พ. พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ทำให้ตามตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว นายศิวกร หรือโน้ต อ่อนเกตุ ยังให้การเพิ่มเติมว่า หลังจากนำปืนบีบีกันดัดแปลงใส่กระสุน.380 ซื้อมาจากอินเตอร์เน็ตราคา 7,000 บาท เอาไปจำนำกับนายวงศกรในราคา 7,500 บาท แต่ยังไม่ได้เงิน แล้วไม่พอใจที่นายวงศกรบอกจะให้ยืมเงิน 1 แสนบาท เพื่อไปลงทุนทำธุรกิจซื้อโดรนทางการเกษตร เนื่องจากนายโน้ตนำโดรนการเกษตรเครื่องเก่าไปเทิร์นเปลี่ยนเป็นของใหม่ วางมัดจำไปแล้ว 7 หมื่นบาท แล้วต้องจ่ายส่วนที่เหลืออีก 1.5 แสนบาท หากไม่ได้เงินจะถูกยึดเงินมัดจำ เมื่อไม่ได้เงินทำให้โมโหหยิบปืนในรถยิงยกครัว หลังก่อเหตุนำปืนและโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องโยนทิ้งบ่อน้ำกลางทุ่งนา ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเล่นแชร์แต่อย่างใดต่อมาเวลา 08.30 น. ตำรวจประสานทีมนักประดาน้ำ “ธาราทีม” อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างกำแพงเพชรธรรมสถาน เพื่องมหาหลักฐานปืนบีบีกันดัดแปลงอาวุธสังหารและโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องที่บ่อน้ำกลางนาพื้นที่หมู่ 8 บ้านร้อยไร่ ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ห่างจากจุดยิงกว่า 1 กม. จากการค้นหาของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ลึกประมาณ 2 เมตร ใต้บ่อเป็นดินโคลนและดินเหนียว การค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานมีรายงานว่า ก่อนที่นายโน้ตจะถูกจับกุม ได้ แฝงตัวเป็นไทยมุงยืนดูจุดที่พบรถกระบะแล้วขอแลกไลน์กับผู้สื่อข่าวทำทีแจ้งเบาะแส จากนั้นส่งข้อความผ่านไลน์ไปหาผู้สื่อข่าวว่า ได้ข้อมูลจาก “นายโป๊งเหน่ง หรือนายบอล” น้องเมียผู้ตาย แจ้งว่า ผู้ตายนำทองคำไปจำนำในตัวเมืองกำแพงเพชรจำนวนกี่บาทไม่แน่ใจ และถามว่ารู้เบาะแสหรือไม่ ผู้สื่อข่าวตอบว่าไม่ทราบข้อมูลนี้ พร้อมแจ้งว่าวันที่ 14 ก.พ. เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียงหน้ากระดานค้นหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอย่างละเอียด นายโน้ตตอบว่าหากตนได้ข้อมูลอะไรจะรีบแจ้งทันที ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเข้าไปติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังจุดเกิดเหตุ พบนายโน้ตยืนรอพร้อมสอบถามว่า วันนี้จะทำอะไรกันบ้าง ผู้สื่อข่าวตอบว่าคงจะหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียด นายโน้ตพยายามเข้ามาตีสนิทเพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี กระทั่งช่วงบ่ายตำรวจคุมตัวนายโน้ตไปสอบสวนจนยอมรับสารภาพเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.โอภาส คงเมือง ผบก.ภ.จ.กำแพงเพชร พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง แถลงสรุปคดีฆ่ายกครัว พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายศิวกร หรือโน้ต อ่อนเกตุ อายุ 27 ปี ผู้ก่อเหตุ ให้นายวงศกรขับรถกระบะมารับที่บ้าน จากนั้นนั่งไปด้วยกัน ประกอบด้วยนายโน้ต นายวงศกร เมียและลูกชาย เพื่อไปเคลียร์ปัญหาเรื่องเงินที่ทุ่งนา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุนายโน้ตและนายวงศกรลงจากรถมาคุยแล้วมีปากเสียงกันก่อนนายโน้ตไปหยิบปืนบีบีกันดัดแปลงที่นำมาจำนำอยู่ในรถยิงนายวงศกรเสียชีวิต จากนั้นโทร.ตามนายนิรุตย์ หรือเข้ สีบุญมี ผู้ต้องหาอีกคนเป็นเพื่อนกันให้มาช่วยลากศพไว้ที่เบาะหลัง ก่อนนายเข้จะกลับบ้านไป ส่วนนายโน้ตขับรถกระบะคันเกิดเหตุวิ่งไปตามทางพล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวอีกว่า จังหวะที่นายโน้ตขับรถกระบะไปนั้น ภายในมีนายโน้ต เมียและลูกชายของนายวงศกรนั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ระหว่างทางเมียนายวงศกรพยายามแย่งปืนจากนายโน้ต ทำให้ปืนลั่นถูกลูกชายกระสุนเข้าหัวเสียชีวิต ก่อนนายโน้ตยิงเมียนายวงศกรเสียชีวิตรวม 3 ศพ จากนั้นขับรถกระบะไปจอดทิ้งที่บ้านร้าง พร้อมนำสร้อยคอทองคำของเมียนายวงศกรน้ำหนัก 3 บาท ขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน อ.คลองขลุง ได้เงิน 123,500 บาท ทางร้านโอนเข้าบัญชี 120,000 บาท ส่วนที่เหลือ 3,500 บาท ให้เป็นเงินสด ตำรวจได้รับความร่วมมือจากร้านทองเป็นอย่างดี ทราบด้วยว่านายโน้ตนำเงินไปใช้หนี้ จากนั้นยังพยายามตบตาด้วยการส่งข้อความไปหาญาติคนตาย รวมทั้งซื้อผ้าคลุมรถที่ร้านโลตัสโกเฟรช สาขาท่ามะเขือ อ.คลองขลุง แล้วมาคลุมรถหลังก่อเหตุไปแล้ว คนร้ายตั้งใจจะสังหารแม่และลูกอยู่แล้วเพราะเหยื่อจำใบหน้าได้ ส่วนสาเหตุที่นำ 3 ศพมาทิ้งไว้จุดนี้เพราะเห็นเป็นบ้านร้าง คำให้การของผู้ต้องหาตำรวจรับฟัง แต่ต้องมาตรวจสอบอีกครั้งว่าตรงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ตอนนี้แจ้งข้อหานายโน้ตและนายเข้ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันอำพรางศพ และลักทรัพย์เมื่อถามถึงกรณีนายโน้ตมาถามข้อมูลจากนักข่าวในการสืบสวน พล.ต.ท.อัคราเดชตอบว่า นายโน้ตมีทักษะและความรู้เรื่องนี้จึงเข้ามาดูการสืบสวน เพื่อหาช่องทางทำลายหลักฐาน ก่อนหน้านี้นายโน้ตถูกดำเนินคดีลักทรัพย์และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างค้นหาปืน อ้างว่าทิ้งที่บ่อน้ำกลางทุ่งนา ส่วนหลักฐานอื่นๆมีครบหมดแล้วต่อมาเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จ.กำแพงเพชร พร้อมด้วย พ.ต.อ.รัฐศรัณย์ เกตุสิงห์สร้อย ผกก.สภ.คลองขลุง พร้อมกำลังตำรวจคุมตัวนายโน้ตและนายเข้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ จุดแรกที่บ้านร้างจุดพบศพ บรรดาครอบครัวผู้ตายรวมถึงชาวบ้านนับร้อยคนต่างพากันมารุมตะโกนด่าสาปแช่งผู้ต้องหาด้วยความคับแค้นใจ พยายามเข้ามารุมประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกกั้นห้ามเข้า ต่อมาจุดที่ 2 กลางทุ่งนา หมู่ 8 บ้านร้อยไร่ ต.คลองขลุง เป็นจุดที่นายโน้ตก่อเหตุยิง แต่มีบรรดาครอบครัวผู้ตายและชาวบ้านมารอตะโกนด่าและเป็นพื้นที่โล่ง เจ้าหน้าที่เกรงว่าไม่ปลอดภัยสั่งยกเลิกการทำแผนในจุดนี้ ส่วนนายเข้ไม่ประสงค์ที่จะทำแผนฯ จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนกลับไปขังที่ สภ.คลองขลุง เตรียมส่งฝากขังในวันที่ 17 ก.พ.นี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่