นับแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ก็มีหลายเรื่องราวน่าติดตามเกิดขึ้นมากมาย ล่าสุดเมื่อ 10 ก.พ. ทรัมป์เพิ่งลงนามคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกการใช้หลอดกระดาษ และหันกลับมาใช้หลอดพลาสติก พลิกแผนนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมของอดีตประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ที่เคยประกาศตั้งเป้าหมายไว้ปีที่แล้วว่าจะค่อยๆลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งในการดำเนินงานและบรรจุภัณฑ์ต่างๆของหน่วยงานรัฐบาลกลางภายในปี 2570 และเลิกใช้ในทุกหน่วยงานของรัฐบาลกลางภายในปี 2578โดยสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลต้องหยุดซื้อและหยุดใช้หลอดกระดาษในสำนักงาน ต้องพัฒนาแผนยุทธศาสตร์ชาติสำหรับยกเลิกมาตรการบังคับใช้หลอดกระดาษทั่วประเทศภายใน 45 วัน หรือวันที่ 27 มี.ค.ในเอกสารที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาวยังระบุด้วยว่า เหตุที่ต้องยกเลิกการใช้หลอดกระดาษนั้นเป็นเพราะหลอดกระดาษมีสารเคมีตลอดกาล (forever chemical) หรือสารเคมี PFAS (per-and polyfluoroalkyl substances) ซึ่งสารตัวนี้เคลือบหลอดกระดาษเอาไว้เป็นอันตราย เสี่ยงปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายเมื่อใช้หลอดกระดาษดูดน้ำเข้าไป และสารนี้ไม่พบในหลอดพลาสติก ราคาของหลอดกระดาษก็แพง ความไม่คงทนและความเปื่อยง่ายของหลอดประเภทนี้ทำให้ต้องเปลี่ยนหลอดบ่อยๆ ทั้งยังไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกระบวนการผลิตหลอดชนิดนี้สร้างคาร์บอนฟุตพรินต์และใช้น้ำในปริมาณมากกว่าการผลิตหลอดพลาสติกเสียอีกเป็นอันยุติแคมเปญรักษ์โลกที่ไม่สมเหตุ สมผล อย่างการบังคับให้ชาวอเมริกันต้องใช้หลอดกระดาษ ซึ่งทรัมป์มองว่าใช้งานไม่ได้เรื่อง แถมพลาสติกก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปลาฉลามในท้องทะเลมากเท่าไรนักต้องรอดูว่าแผนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของคนที่ไม่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนมีอยู่จริงจะเป็นอย่างไรต่อไป.ญาทิตา เอราวรรณ