คดี “แตงโม” สืบพยานจำเลยปากสุดท้ายเสร็จสิ้น ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดฟังคำพิพากษา 23 พ.ค. “ทนายเดชา” แจงคดีนี้มีจำเลย 4 คน “แซน-กระติก-จ๊อบ-ภีม” โดนความผิดฐานประมาท แจ้งความเท็จ และทำลายหลักฐาน ไม่สามารถเปลี่ยนข้อหาได้ ส่วนคดีที่ดีเอสไอสอบสวนเรื่องทำพยานหลักฐานเท็จผู้ต้องหาคนละชุดไม่เกี่ยวกัน คุณแม่ก็ให้ความร่วมมือไปพบพนักงานสอบสวนแล้ว โอดรำคาญถูกปิดปากไม่ให้สัมภาษณ์สื่อเพราะไม่อยากปิดบังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ก.พ. ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดี แตงโม-น.ส.ภัทรธิดา หรือนิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาวพลัดตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตเมื่อปี 65 เป็นการสืบพยานจำเลยปากสุดท้ายคือนายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี โดยมีนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม พร้อมด้วยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เดินทางมาร่วมสืบพยาน ก่อนขึ้นศาลนางภนิดากล่าวว่า ได้เดินทางไปที่ดีเอสไอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับบังแจ็คโดยสิ้นเชิง ที่ตัดสินใจไปเข้าพบเพราะเชื่อมั่นกระบวนการการทำงานของดีเอสไอ ส่วนรายละเอียดการให้ข้อมูลเหมือนเดิมทุกอย่าง สิ่งที่คาดหวังคือแตงโมจะต้องได้รับความยุติธรรมและต้องไม่ตายฟรี ที่ผ่านมาถูกสั่งห้ามไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอะ ยอมรับว่ารู้สึกรำคาญมากเพราะไม่อยากปิดบังขณะที่ทนายเดชากล่าวว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีสืบพยานฝ่ายจำเลยครั้งสุดท้ายคือนายภีม หรือกุนซือเอ็ม วันนี้คงใช้เวลาสืบพยานเกือบทั้งวัน ผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่ยังเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม ทนายเดชาตอบว่า อัยการฟ้องเรื่องประมาทไปแล้ว หากไปบอกว่าเป็นการฆาตกรรมเดี๋ยวจะกลายเป็นคนละเรื่อง ต้องเชื่อตามที่พนักงานอัยการฟ้อง ส่วนเรื่องฆาตกรรมเป็นเรื่องของนายอัจฉริยะ คดีอยู่ที่ดีเอสไอเป็นอีกสำนวนหนึ่งจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้อมูลโทรศัพท์ของแตงโมที่บังแจ็คนำมาให้เจ้าหน้าที่ก็เป็นชุดเดียวกับที่อยู่ในสำนวนของศาลจังหวัดนนทบุรีแล้วต่อมาเวลา 12.00 น. หลังเสร็จการสืบพยานจำเลยช่วงเช้าหยุดพักเที่ยง ทนายเดชาลงมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า วันนี้สืบพยานจำเลยที่ 4 คือนายภีม ถูกกล่าวหาว่ายุยงให้แจ้งความเท็จ ให้ไปพบตำรวจช้าๆ เจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหาตามที่เคยให้การ ทนายจำเลยที่ 4 ถามความจนจบสิ้น ส่วนทนายจำเลยที่ 1-3 ไม่ติดใจซักถาม ช่วงบ่ายจะเหลืออัยการโจทก์และตนในฐานะทนายโจทก์ร่วมถามค้าน หลังจากสืบพยานวันนี้แล้วเสร็จคาดว่าช่วงเดือน พ.ค.จะมีคำพิพากษาได้ข้อยุติว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือประมาทที่ทำให้แตงโมเสียชีวิตทนายเดชาเผยด้วยว่า ในส่วนของดีเอสไอ หลังศาลมีคำพิพากษาก็ยังสามารถดำเนินการได้อยู่เพราะเป็นการสืบสวนสอบสวนเรื่องทำพยานหลักฐานเท็จ มีตำรวจช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ เป็นคนละประเด็น มีผู้ต้องหาคนละชุดกัน เป็นฐานความผิดอื่น เช่น มาตรา 157 มาตรา 200 แต่ในส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของแตงโมจะจบลงโดยการพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรี คุณแม่น้อมรับคำตัดสินของศาล จะแพ้ชนะแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หากแพ้ก็ยื่นอุทธรณ์ ชนะก็อยู่เฉยๆ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ 2 คดีแรกมีจำเลยคือปอและโรเบิร์ต ศาลตัดสินเสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนจำเลยคดีนี้มีแซน กระติก จ๊อบและภีม ในข้อหาประมาท แจ้งความเท็จ และทำลายหลักฐานกระทั่งเวลา 15.45 น. การสืบพยานฝ่ายจำเลยเสร็จสิ้น ทนายเดชากล่าวว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 พ.ค.เวลา 09.30 น. จะส่งร่างคำพิพากษาไปให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 ตรวจก่อนถึงจะมีคำพิพากษา คดีแตงโมจะจบบริบูรณ์ ต้องรอดูว่าศาลจะพิพากษาอย่างไร จะเป็นไปตามฟ้องว่าเป็นการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือจะยกฟ้อง ถ้ายกฟ้องก็ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน ถ้าโจทก์ชนะคดีก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะอุทธรณ์ ผู้สื่อข่าวถามถึงอัตราโทษคดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทนายเดชากล่าวว่า คดีนี้มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี คล้ายกับคดีขับรถชนคนตาย ไม่สามารถเปลี่ยนข้อหาได้ นอกจากหาคนผิดเพิ่มได้หรือไม่ต้องรอลุ้นกับนายอัจฉริยะที่ดีเอสไอ แต่มันคนละประเด็นกัน คนละฐานความผิด อันนั้นเป็นเรื่องมาตรา 157 คุณแม่ก็ให้ความร่วมมือและไปพบพนักงานสอบสวนที่ดีเอสไอแล้วด้านนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซนกล่าวว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 23 พ.ค.นี้จำเลยทั้ง 4 คนจะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาทุกคน จำเลยถูกแจ้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ไม่ใช่ข้อหาอื่น คดีว่ากันด้วยพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความหนักใจในคดีหรือไม่ ทนายพรศักดิ์กล่าวว่า จะพูดว่าหนักใจทั้งหมดก็ไม่ได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็สู้ไปตามพยานหลักฐานในสำนวนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่