หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา ร้อยละ 25 จากทุกประเทศ ตลาดหุ้นทั่วโลก ได้รับผลกระทบทันตาเห็น รวมทั้ง ตลาดหุ้นไทย ก็ไม่เว้น เพราะภาษีในกลุ่ม เหล็กและอะลูมิเนียมมีทุกประเทศ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นแน่นอน ต่อให้มีแผนสำรองรับมืออย่างไรก็หนี ทรัมป์ ไม่ออก บ้านเราต้องลุ้นระทึกกว่าเพื่อน เนื่องจากเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ การลงทุนหุ้นในกลุ่ม Global play การส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร มีแนวโน้มจะเจอกับความเสี่ยงอย่างหนัก แคนาดา เม็กซิโก โดนไปแล้ว ต่อด้วย ยุโรป สินค้าประเภทยานยนต์ มีอาการน่าเป็นห่วงเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เดอะไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า มาตรการเก็บภาษีตอบโต้ของจีน ต่อสินค้าสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 14,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มมีผลใช้บังคับ เป็นการเปิดสงครามการค้าเต็มตัวระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 นอกจากนี้ จีนยังควบคุมการส่งออกแร่เหล็กหายาก 25 ชนิด ที่เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร เป็นการตอบโต้สหรัฐฯอีกทางหนึ่งด้วย ปรากฏว่า ทรัมป์ ไม่ได้สนใจมาตรการตอบโต้จากจีนหรือประเทศอื่นที่ตอบโต้สหรัฐฯโดยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะแร่เหล็กหายากที่เคยนำเข้าจากจีนมากที่สุด โดยหันไปเจรจากับประเทศอื่นที่มีแหล่งแร่เหล่านี้ เช่น ยูเครน เป็นต้น โดยแลกกับมาตรการการช่วยเหลือต่างๆ ยิงนกทีเดียวได้หลายตัวทรัมป์ เข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นาน สามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่เอาไว้หลายหน้า สามารถกำหนดการยุติการสู้รบ ระหว่าง อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่ยืดเยื้อมานาน โดยที่ สหรัฐฯ แทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย สามารถยับยั้งสงคราม รัสเซีย–ยูเครน แค่คำพูดไม่กี่คำ ในขณะที่ ทรัมป์ เองก็มีทั้งด้านมืดและด้านสว่างในคนเดียวกัน สหรัฐฯยุคทรัมป์ ไม่ได้โฟกัสว่าจะเป็น สงครามหรือสันติภาพ แต่สร้างแรงกดดัน ต่อรอง ได้ตลอดเวลา ยืดหยุ่น ยืดได้หดได้ไม่มีอะไรตายตัวนับตั้งแต่ 20 มกราคม 2568 เป็นต้นมา คนทั่วโลกจดจำ ทรัมป์ ได้ขึ้นใจ คนอเมริกันมีทั้งชอบและไม่ชอบทรัมป์พอๆกัน แต่กลับไม่ใช่เรื่องที่ ทรัมป์ ให้ความสนใจว่าคะแนนนิยมจะขึ้นจะลง ทรัมป์ คิดอย่างเดียวว่า จะทำอย่างไรให้นโยบายไปสู่ความสำเร็จให้ได้คนที่อายุ 70 ปีขึ้นไปได้เปรียบกว่าคนหนุ่มคนสาว คือ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไม่ต้องมานั่งเกรงอกเกรงใจหรือเอาอกเอาใจใคร คิดอะไรก็ทำอย่างนั้น การตัดสินใจจึงเด็ดขาดกว่าคนรุ่นใหม่ บางครั้งก็คิดอะไรเพ้อเจ้อไปบ้าง เพียงแต่ว่า ในฐานะผู้นำ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบกับคนส่วนใหญ่ของประเทศและประโยชน์ส่วนรวมต้องมาก่อนส่วนตัว ยิ่งถ้าตัดกิเลสได้จะดีมาก.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม