นึกว่าจะจบไปแล้วหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องกรณีการ “ฮั้วเลือกตั้ง” สว. เพราะไม่น่ามีช่องทางให้ดำเนินการต่อไปได้แต่ปรากฏไม่เป็นเช่นนั้นเพราะล่าสุดบรรดา สว.สำรองได้ร้องดีเอสไอให้สอบสวนเรื่องนี้ต่อ ปรากฏว่าดีเอสไอรับลูกต่อทันทีโดยอ้างว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับการเงินด้วยแต่ทั้งนี้จะแจ้งให้ กกต. ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงทราบว่าดีเอสไอจะสอบสวนเรื่องนี้ กกต.จะว่าอย่างไรก็บอกมาเพราะถ้าหากสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง กกต.ก็จะต้องมีความผิดไปด้วยเนื่องจากปล่อยให้การเลือกตั้งไม่สุจริตแล้วยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายพูดง่ายๆ กินหัวกินหางกันยาวไปเลยเบื้องต้นดีเอสไอเผยว่า พบว่ามีพฤติกรรมตามคำร้องจริงมีพยานหลักฐานชัดเจนที่จะเอาผิดได้ และออกตัวว่าไม่ได้เข้าข้างใครข้างใดข้างหนึ่งแต่พยานหลักฐานมันเป็นอย่างนั้นก็เป็นประเด็นขึ้นมาทันทีเรื่องนี้คงทำให้เป็นปมการเมืองที่มีผลอย่างแน่นอน เพราะหากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริง สว.ชุดนี้ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งอย่างแน่นอนจะทั้งชุดหรือส่วนหนึ่งก็แล้วแต่พยานหลักฐานที่ปรากฏแต่ที่แน่นอนจะส่งผลไปถึง สว.สายสีนํ้าเงินที่มีจำนวนกว่า 140 คนขึ้น ซึ่งทำให้พรรคการเมืองที่หนุนหลังอยู่จะต้องหาทางแก้ไข“ภูมิใจไทย” คือพรรคที่ว่านั้น!ด้วย สว.ภายใต้การคอนโทรลทำให้พรรคนี้มีศักยภาพทางการเมืองมากขึ้น ทำให้เกิด “ดุลอำนาจ” พิเศษเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่นๆเพราะ สว.นั้นมีอำนาจหลายอย่าง แม้จะไม่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้แต่อำนาจอื่นๆยังเหมือนเดิมการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องใช้เสียง สว. 1 ใน 3 จึงจะผ่านได้การตั้งบุคคลเข้าเป็นองค์กรอิสระชุดต่างๆ ก็ต้องใช้มือ สว.แค่ 2 เรื่องนี้ก็ทำให้มีอำนาจบารมีสูงแล้วดังนั้น การเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการเลือก สว.ใหม่ ลดอำนาจหรือทำให้มีบทบาทลดน้อยลงไปจึงเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองคู่แข่งต้องการผลักดันไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนอย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพื่อไทยและประชาชนพยายามดำเนินการนั้น ปรากฏว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วยแต่อำนาจ สว.นั้นสำคัญที่สุดหากไม่เอาด้วยก็ไปไม่รอดดังนั้น เกมล้ม สว.จึงไม่ใช่เรื่องของความไม่ถูกต้อง กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น หรือเป็นความต้องการของ สว.สำรองเท่านั้นแต่เป็นเรื่องของพรรคการเมืองใหญ่อีกด้วย!เพราะถ้าจัดการ สว.ได้ก็เท่ากับทำให้พรรคการเมืองที่คุม สว.ชุดนี้ได้ลดศักยภาพไปมากทีเดียว เนื่องจากไม่มีลมใต้ปีกหนุนหลังแน่นอนว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นประเด็นการเมืองที่ร้อนแรงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพราะฝ่ายหนึ่งคงรุกไล่เต็มที่อีกฝ่ายก็ต้องปกป้องอย่างเต็มที่ไม่ต่างกันนั่นหมายถึงว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งในรัฐบาลตามมาอย่างแน่นอน เพราะ “ภูมิใจไทย” คงต้องหาวิธีป้องกันอย่างเต็มที่ในรูปแบบต่างๆจะเป็นชนวนร้าวลึกเพิ่มมากขึ้นไปอีก!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม